ทุกขลาภ
เป็นเวลาถึง 115 วันหลังจากเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 กว่าที่คณะรัฐมนตรีใหม่จะเข้าเฝ้าถวายสัตย์และได้รัฐบาลใหม่โดยสมบูรณ์ 16 กรกฎาคม
นี่คือช่วงเวลายาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย เราจะทบทวนสถานการณ์และคำทำนายในอดีตกัน
ผู้เขียนวิเคราะห์ทำนายใน 3 ประเด็นใหญ่ คือ (1) ผลเลือกตั้ง (2) พรรคพลังประชารัฐ (3) นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ประเด็นแรกกล่าวใน “วันเลือกตั้ง (5)” เมื่อ 15/3/2562 แบ่งเป็น 2 ข้อย่อย ข้อ 1 ว่า “...ลัคนาเมษที่ 7:47 องศา ดาวที่มีพลังอำนาจมากสุดคือมฤตยู เพราะกุมลัคน์สนิท มฤตยูคือความแปลกใหม่ของใหม่ มฤตยูสร้างการเปลี่ยนแปลง คิดและทำนอกกรอบ คนรุ่นใหม่ วัยรุ่น นิสิต นักศึกษา จะออกมาแสดงพลังให้ทุกคนเห็น พวกเขาคือตัวแปรสำคัญที่สุดในครั้งนี้...” ชัยชนะที่เหนือคาดหมายของพรรคอนาคตใหม่ชี้ชัดว่าคำทำนายถูกต้อง
ข้อ 2 ทำนายว่า “...พุธกุมภ์กุมเนปจูนสนิทพอดีคือจุดที่สร้างปัญหา พุธคือการสื่อสาร เนปจูนคือความคลุมเครือ พุธถอยหลังและเป็นดาวเจ้าเรือนอริ ชี้ถึงความไม่แน่นอน ผลลัพธ์ที่ไม่ชัดเจน และการประท้วงฟ้องร้องกันวุ่นวาย แม้เปิดสภาได้ แต่การจัดตั้งรัฐบาลก็ยุ่งยาก ติดขัด ล่าช้า เต็มไปด้วยปัญหาอุปสรรค...” ข้อนี้ถูกต้องชัดเจนมาก ที่สำคัญคือมีอีกหลายปัญหาที่ยังไม่จบ เช่น การถือหุ้นสื่อ คุณสมบัตินายกฯเรื่องเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ ซึ่งอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงได้อีกในอนาคต (http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/646807)
พรรคพลังประชารัฐคือประเด็นที่ 2 ถือกำเนิด 4 ตุลาคม 2561 เวลา 13:18 น. ลัคนาธนู 26:28 องศา จุดเด่นที่สุดคือพลูโตกุมลัคน์สนิทพอดี พลูโตคืออำนาจ เกิดขึ้นเพราะอำนาจและอยู่เพื่ออำนาจ ใน “พลังประชารัฐ” เมื่อ 2/11/2561 ทำนายว่า “...พื้นดวงดีก็จริง แต่จังหวะนี้ดาวจรให้โทษหนัก งานใหญ่ที่หวังไว้ควรเผื่อใจเอาไว้บ้าง...” (http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/645866) ใน “เลือกตั้ง 2562” เมื่อ 23/11/2561 ว่า “...พลังประชารัฐคือพรรคที่ได้รับผลกระทบหนักจากราหูเมถุน เข้าแล้วจะเล็งลัคน์พลูโตทันทีและส่งผลร้ายทันที...” (http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/646009) และใน “วันเลือกตั้ง (5)” กล่าวว่า “...ปัญหาคือหลังจาก 23 มีนาคม ดวงจะตกหนัก โอกาสจัดตั้งรัฐบาลเหลือน้อยเต็มที...”
เกิดอะไรขึ้น ? พลังประชารัฐได้จำนวนสส.เป็นอันดับ 2 เพื่อไทยและอนาคตใหม่ที่เป็นอันดับ 1 และ 3 จับมือกัน ตามเหตุผลและประเพณีนิยม พปชร.ย่อมไม่อาจจัดตั้งรัฐบาลได้ แต่เพราะมีสว. 250 คนที่คสช.คัดเลือกมาร่วมโหวตนายกฯด้วย ทำให้ฝ่ายพท.ไม่สามารถดึงประชาธิปัตย์และภูมิใจไทยเข้าร่วมได้ พปชร.จึงตั้งรัฐบาลสำเร็จ
ดังนั้น ถ้าวัดกันแค่การเลือกตั้ง คำทำนายก็ถูกต้อง แต่ในความเป็นจริง พปชร.มีคสช.และสว.เป็นตัวช่วย พลังอำนาจของทั้งคู่ไม่อาจดูได้จากพื้นดวงพปชร. คำทำนายจึงผิดพลาดไป ผู้เขียนขออภัยด้วยครับ
ประเด็นที่ 3 คือนายกฯคนใหม่ เขาคือใคร ? สำหรับผู้ติดตามการเมือง คำถามนี้ง่ายมาก การเลื่อนเลือกตั้ง 5 ครั้ง การที่สว.เลือกนายกฯได้ และการตั้งพรรคพปชร.โดยคณะบุคคลในครม.เดิม ทั้งหมดทำไปเพื่ออะไร ใครบ้างมองไม่ออก ไม่ต้องนักวิเคราะห์หรือกูรูคนใดหรอก เจตนาชัดขนาดนี้ ชาวบ้านหรือสภากาแฟที่ไหนก็เข้าใจได้ ทุกคนทำนายว่า นายกฯจะเป็นคนเดิม
การทำนายทางโหราศาสตร์ย่อมต้องใช้ทั้งหลักวิชาและข้อเท็จจริงประกอบกัน ข้อเท็จจริงไม่ใช่ธงนำไปสู่คำตอบ หลักวิชาต่างหากคือผู้ให้คำตอบ ข้อเท็จจริงมีไว้เพื่อให้ทำนาย “เข้าเป้า” ที่สุด เพราะความหมายของดาว-ภพ-ราศีมีมากมาย หากไม่รู้ข้อมูลใดเลย คำทำนายย่อมต้องเหวี่ยงแหไปไกลมากและกว้างมาก ในความคิดเห็นของผู้เขียน การเอาข้อเท็จจริงมานำหน้าหลักวิชาถือว่าไม่ซื่อสัตย์ต่อโหราศาสตร์ ทุกสิ่งควรว่าไปตามดวงชะตา ไม่ไหลไปตามกระแสความเชื่อใด
ใน “ดวงสงกรานต์ 2562” เมื่อ 12/4/2562 ผู้เขียนทำนายว่า “...มฤตยูที่กุมลัคน์สนิทคือดาวที่มีพลังสูงสุด นายกฯย่อมคล้อยตามความหมายของมฤตยู มฤตยูคือแปลก ใหม่ คาดไม่ถึง โอกาสคนใหม่มากกว่าคนเดิม ที่สำคัญสุดคือพุธเนปจูน 45 มฤตยูสนิท ถ้าไม่ใช่ (1) คนที่คิดไม่ถึง ก็เป็น (2) ไม่มีบทสรุป นายกฯปัจจุบันรักษาการต่อไป...” (http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/647020)
คำทำนายนี้ผิด นายกฯคนใหม่คือคนเดิม ผู้เขียนต้องขออภัยอีกครั้ง โดยปกติ ดวงเลือกตั้งสามารถบอกได้ถึงตัวนายกฯ ครั้งนี้ทำไม่ได้ เหตุเพราะสว.ร่วมโหวตด้วย แต่สว.ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ย่อมไม่ปรากฏในดวง ผลจึงผิดเพี้ยนไปหมด
สิทธิ์โหวตของสว.กำหนดในรัฐธรรมนูญปี 2560 รธน.ยังครอบคลุมถึงกระบวนวิธีเลือกตั้ง รธน.จึงใหญ่กว่า ผู้เขียนไม่รู้เลยหรือ ? รู้ แต่ก็ต้องเชื่อดวง มฤตยูแปลว่าเหนือคาดหมาย ผลลัพธ์อาจนอกเหนืออำนาจของรธน.ก็ได้ อันที่จริง ถึงแม้มีสว. แต่พปชร.มีเสียงในสภาผู้แทนน้อยกว่า จึงไม่กล้าตั้งนายกฯและรัฐบาล จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นเมื่อกกต.ตีความวิธีนับคะแนนใหม่ ทำให้พรรคเล็กได้สส.และเข้าร่วมกับฝ่ายพปชร. มองจากมุมนี้ ดวงอาจไม่ผิด ผลควรเป็นไปตามคำทำนาย ถ้าไม่มีการกระทำที่ฝืนดวง/เปลี่ยนดวง
การเปลี่ยนดวงสามารถกระทำได้ (ยกเว้นบางเรื่อง เช่น ความตาย) มากน้อยขึ้นกับพลังอำนาจที่มี เรื่องใหญ่ต้องใช้พลังอำนาจมาก อย่างไรก็ตาม เมื่อฝืนลิขิตฟ้า ย่อมต้องมีการแลกเปลี่ยน เหมือนคนป่วยหนักถ้าอยากหาย ต้องยอมผ่าตัด ยอมแลกกับความเจ็บปวด เงิน งาน เวลา ฯลฯ นี่คือกฎสวรรค์ที่ไม่ยกเว้นใคร
สรุปคือถ้าเปลี่ยนดวง มันมี “ราคาที่ต้องจ่าย” เรื่องใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับคนจำนวนมาก ราคาที่จ่ายย่อมมากตามไปด้วย สิ่งแรกคือการทำให้มหาชนทราบว่า “...ในการแสวงหาอำนาจ ไม่มีแบ่งแยกคนดีคนชั่ว ทุกคนเหมือนกันหมด คือพร้อมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มา...” ส่วนสิ่งอื่น ๆ ที่เหลือ เมื่อมีเหตุปัจจัยพรั่งพร้อมครบถ้วน ย่อมต้องชดใช้หรือชำระสะสางกันไป
ลาภที่ไม่สมควรได้ ย่อมกลายเป็นทุกขลาภ (ที่ไม่สมควรเกิด) ในท้ายสุด