“ถ้าอยากรู้ประวัติตัวเอง (ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน)... ให้ลงเล่นการเมือง... เพราะคุณจะรู้ทุกสิ่งอย่าง แบบที่ตัวคุณเองก็ไม่เคยรู้!!”
วลีเด็ดเกี่ยวกับลักษณะและผลสำเร็จของ “การเมืองไทย”... ว่าด้วยเรื่อง “การขุดอดีต”... “คุ้ยประวัติ”... และ “เติมแต่งสีสัน” เพื่อมุ่งเน้นการทำลายความน่าเชื่อถือของฝ่ายตรงข้าม หรือใครก็ตามที่ขวางอยู่บนเส้นทางสู่อำนาจ
เช่นเดียวกับกรณีล่าสุดที่เกิดขึ้นกับ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ส.ส. เขต 1 จังหวัดพะเยา ผู้ควบตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และประธานกรรมการยุทธศาสตร์ภาคเหนือของ “พรรคพลังประชารัฐ”...
โดยบริบทของเรื่องนี้... ประชาชนส่วนใหญ่คงได้ทราบกันดีแล้วถึงข้อกล่าวหาและคำชี้แจงที่ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ได้อธิบายแล้ว... ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคดีที่ประเทศออสเตรเลียเมื่อกว่า 30 ปีก่อน หรือ เรื่องวุฒิการศึกษาระดับปริญญาเอกก็ตาม
ส่วนบทสรุปของเรื่องนี้ จะเป็นเช่นไรนั้น... ความจริงเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องตัดสิน
หากแต่ถ้ามองในสายตาของมนุษย์ที่มีความเข้าใจมิติที่หลากหลายของสังคม... มองแบบไม่มีประเด็นการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง... ใครบ้างที่ไม่เคยกระทำสิ่งผิดพลาดในอดีต ?... ใครบ้างที่ไม่เคยอยู่ผิดที่ผิดเวลา ?... ใครบ้างที่เลือกได้แล้วชอบทำความชั่วทั้งหลาย?
สังคมไทยควรกลับมาทบทวนเรื่องนี้อย่างจริงจัง ไม่ใช่แค่ปล่อยอารมณ์และความคิดคะนองไปกับกระแสสังคมที่ถูกสร้างขึ้น...
คนไทยควรก้าวข้ามวิธีการเดิมๆ ของการเมืองแบบเก่าๆ ที่มุ่งเน้นสร้างความเกลียดชัง... เราควรเรียนรู้ที่จะให้โอกาสคนที่พร้อมตั้งใจทำความดีเพื่อสังคมในวันนี้... ไม่ใช่ร่วมสหบาทาเหยียบย่ำผู้อื่นผู้ใดที่มีโอกาสทำดีเพื่อประเทศชาติให้ต้องจมปลักอยู่กับอดีต...
ดั่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเคยตรัสไว้ว่า
“ความเกลียดเอาชนะความเกลียดไม่ได้ มีแต่ความรักความเมตตาถึงเอาชนะได้”... และ “เราควรหยุดโหยหาอดีต ไม่วิตกกับอนาคต อย่าอยู่กับอดีต อย่าฝันถึงอนาคต ตั้งสติอยู่กับปัจจุบัน... เพราะปัจจุบันเท่านั้นสำคัญที่สุด”
ดังนั้นคนที่สังคมควรน่านับถือและได้รับโอกาสจริงๆ ก็คือคนที่พร้อมแก้ไขสิ่งผิดจากเรื่องที่ผ่านมาในอดีต... คนที่ยืดอกรับผลลัพธ์ของความผิดพลาด... คนที่พร้อมทำดี ทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม...
เมื่อ “สี่ตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง” ... จะนับอะไรกับชีวิตเด็กหนุ่มจากท้องนาที่มุ่งหาดวงดาว?!?