'ลุยจับเหล้าดองเถื่อน' เจริญใจนายทุน? หรือเผาป่าล่าหนู
“ลุยจับเหล้าดองเถื่อน” ภารกิจ“สรรพสามิต” เพื่อ“เจริญใจนายทุน?” หรือ “เผาป่าล่าหนู”
หลังจากเกิดเหตุกรณีชาวบ้านในตำบลเสม็ด อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลชลบุรีหลังมีอาการแน่นหน้าอก อาเจียนจากการซื้อเหล้ายาดองที่มีส่วนผสมของสมุนไพรรากสามสิบ ผสมคางคกและเหล้าขาว มาบริโภคเป็นเหตุให้เสียชีวิตจำนวน 3 ราย
ดูเหมือน “กรมสรรพสามิต” ก็ “กระโดดงับ” เรื่องนี้และแถลงข่าวจนเป็นประเด็นใหญ่โต..ว่าด้วยเรื่อง การปราบปรามเหล้ายาดองที่ไม่ได้รับอนุญาต... พร้อมอุปโลกน์กันขึ้นทันทีว่า “การบริโภคสุราที่มิได้รับอนุญาตให้ผลิตจากกรมสรรพสามิต จะส่งผลต่อสุขภาพอาจเกิดอันตรายกับชีวิตของผู้บริโภคได้ จึงขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการบริโภคเหล้ายาดองที่จำหน่ายตามซุ้มยาดองหรือแหล่งอื่นๆ รวมทั้งหลีกเลี่ยงการบริโภคสุราที่ไม่ได้รับอนุญาตจากกรมสรรพสามิต”...!!!
อ่านผ่านๆ ประชาชนทั่วไปอาจเลิกและกลัวการบริโภค “เหล้าเถื่อน” เหล่านี้...
สำหรับผม นี้เปรียบดั่ง “การเผาป่าเพื่อล่าหนู” ซึ่งอาจมีประเด็นซ่อนเร้นแอบแฝง...
ทบทวนความเข้าใจกันใหม่นะครับ คือ “สูตรเหล้ายาดอง” เป็นยาโบราณที่หมอพื้นบ้านหรือแพทย์แผนโบราณของไทยใช้มาช้านาน ย้อนไปได้ตั้งสมัย “พระเจ้าปราสาททอง” พ.ศ. 2178 สรรพคุณช่วยบำรุงร่างกาย เช่น “สูตรนารีรำพึง” สรรพคุณช่วยบำรุงร่างกาย โดยเฉพาะ บำรุงโลหิต ทำให้เลือดลมไหลเวียนดี และถ้าสตรีรับประทานจะทำให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ
“สูตรพญาเสือโคร่ง” หรือ “กำลังเสือโคร่ง” เป็นชื่อสมุนไพรชนิดหนึ่ง นำมาปรุงเป็นยาบำรุงกำลัง กันมาช้านานแล้ว ส่วนผสมของตัวยาที่สำคัญ ได้แก่ กำลังเสือโคร่ง เหง้ากระชาย ดอกคำฝอย เทียนดำ ฯลฯ สรรพคุณ บำรุงกำลัง บำรุงร่างกาย บำรุงโลหิต บำรุงเส้นเอ็น กล้ามเนื้อ
“สูตร ม้ากระทืบโรง” ประกอบด้วยตัวยา ม้ากระทืบโรง, เถาวัลย์เหล็ก, เถาวัลย์เปรียง, ดอกคำฝอย, ฝางเสน และอื่นๆ สรรพคุณ บำรุงกำลัง บำรุงโลหิต แก้ปวดหลัง ปวดเอว แก้เส้นตึง ช่วยฟอกเลือด แก้ประจำเดือนมาไม่ปกติ บำรุงร่างกาย รับประทานประจำ แข็งแรงมีกำลังวังชา ดุจม้าคึกคะนองกำลังกระทืบโรง (สูตรนี้ รับประทานได้ทั้งชาย-หญิง)
“สูตรโด่ไม่รู้ล้ม” ประกอบด้วยตัวยา โด่ไม่รู้ล้ม, เถาโคคลาน, กำแพง 7 ชั้น, กระชาย, โป๊ยกั๊ก, ลูกจันทน์, ชะเอมเทศ และอื่นๆ สรรพคุณสูตรนี้อ่านชื่อสูตรก็รู้ เน้นบำรุงความเป็นชายให้พยศ บำรุงกำลัง บำรุงร่างกาย บำรุงสมรรถภาพ บำรุงให้เลือดลมฉีดพลุ่งพล่าน จนโด่ไม่รู้ล้ม (สูตรนี้เหมาะสำหรับผู้ชายโดยเฉพาะ)
โดยข้อดีของ “เหล้ายาดอง” คือ แอลกอฮอล์ช่วยสกัดสารสำคัญจากสมุนไพรออกมาเป็นยารักษาโรคได้ตามสรรพคุณของยาที่ใช้ดองและไม่เปลืองตัวยาสมุนไพรมาก ซึ่งจะส่งผลดีด้านนิเวศวิทยาและสิ่งแวดล้อมเพราะบางชนิดหายากและใกล้สูญพันธุ์
ช่วยบำรุงร่างกายให้เจริญอาหาร พร้อมทั้งช่วยบำรุงสุขภาพและขับสิ่งที่ร่างกายไม่ต้องการออกได้มากกว่ากระบวนการทั่วไปของร่างกายจะทำได้เอง เช่น ขับน้ำคาวปลาในสตรีหลังคลอดบุตร ขับเลือดเสียและช่วยบรรเทาอาการปวดท้อง เนื่องจากมีประจำเดือน บำรุงน้ำนม เป็นต้น
สามารถเก็บไว้ใช้ได้นานประมาณ 1-2 ปี เป็นการส่งเสริมการกระจายรายได้สู่ชุมชน สร้างอาชีพ และ อนุรักษ์และต่อยอดภูมิปัญญาด้านยาในวงการแพทย์แผนไทย
ส่วนข้อเสียของ “เหล้ายาดอง” ก็ไม่ได้ต่างจาก “เหล้าฝรั่ง” “ไวน์ต่างชาติแพงๆ” หรือ “เหล้าเบียร์กลุ่มเสี่ยเจริญ” ทั่วไป...
ทำให้เสียสุขภาพและเป็นสาเหตุหลักของโรคร้ายกว่า 200 ชนิด รวมถึงทำลายระบบประสาท โดยจากตัวเลขสถิติของสมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทย พบว่า “มีคนไทย 2.75 ล้านคนติดเหล้าและ พบน้ำเมาฆ่าชีวิตทุก 10 นาที หรือปีละกว่า 5 หมื่นราย” ก่อให้เกิดปัญหาสังคมและเศรษฐกิจมากมาย...
“อุบัติเหตุ”... โดยทุกปีมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุกว่า 2 หมื่นราย และในจำนวนนี้ 60% มีระดับแอลกอฮอล์ในเลือดเกินกว่ากฎหมายกำหนด
“ล่วงละเมิดทางเพศ”... โดย 1 ใน 4 หรือ 24.6% เคยถูกคุกคามทางเพศ และทำร้ายร่างกายจากคนที่ดื่มสุรา!!
“ทะเลาะวิวาท”... โดยผลการศึกษาคดีฆาตกรรมจากการผ่าพิสูจน์ศพ พบว่ามากกว่า 60% ของผู้ที่เสียชีวิต ตรวจพบในร่างกายมีเหล้าผสมด้วยอยู่เสมอ เพราะการดื่มเหล้าจะช่วยให้ศูนย์ควบคุมจิตใจทำงานได้แย่ลง ส่งผลให้ทำในสิ่งที่กล้าได้มากขึ้น...
จริงอยู่ว่าอาจมี “เหล้ายาดองเถื่อน” ที่ไม่มีคุณภาพ และมาตรฐานในการผลิตต่ำ... และมีคนตายจาก “เหล้ายาดองเถื่อน” เหล่านี้บ้าง แต่เมื่อเทียบสัดส่วนกับผลเสียโดยรวมของ “เหล้า” ทุกเจ้าของ... ทุกประเภทละก็ ถือว่าเป็นสิ่งที่เปรียบเทียบกันไม่ได้
“รัฐบาลลุงตู่” และ “กรมสรรพสามิต” ควรต้องสนับสนุน... ส่งเสริมให้ความรู้พร้อมควบคุมคุณภาพและตรวจสอบพิษวิทยา... รวมถึงสร้างโอกาส “ยาดองภูมิปัญญาในวงการแพทย์แผนไทยและหมอพื้นบ้าน” ให้ถูกกฎหมาย...
แทนที่จะ “ฉวยโอกาส” เอาใจนายทุน โดยการ “เผาป่าเพื่อจับหนู” ไม่กี่ตัว... เพื่อเพิ่มการผูกขาดให้กลุ่มทุนไม่กี่รายที่สนับสนุนรัฐบาล...
หากยังคลำทางไม่ถูก ก็ลองไปดูโมเดลต่างประเทศได้นะครับ ทั้งญี่ปุ่น หรือยุโรป ที่รัฐบาลเค้าสนับสนุนให้มีการผลิต Local Product และ Alcohol... เช่น ไวน์แต่ละเขตจังหวัด หรือ สาเกท้องถิ่นที่สร้างอาชีพให้คนท้องถิ่นในพื้นที่!!
ไม่ใช่อะไรเข้าทางปืน ก็ห้ามทำ ห้ามผลิต ห้ามใช้ ไปซะหมด แทนที่จะช่วยเหลือหรือให้โอกาส!!
หนึ่งในพันธกิจของ “กรมสรรพสามิต” คือผลักดันนโยบายภาษีเพื่อความผาสุกของประชาชนทุกคน ไม่ใช่เฉพาะเพื่อกลุ่มทุนบางกลุ่ม ที่มักจะจ้างเจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังวัยเกษียณไปเป็นที่ปรึกษา พร้อมสมาชิกตีกอล์ฟฟรี...
ขณะที่ “กลุ่มไทยเบฟ” เจ้าของโรงเหล้าใหญ่ ซึ่งมีสินทรัพย์กว่า 4 แสนล้านบาท รายได้กว่า 2 แสนล้านบาท กับกำไรปีละ 2 หมื่นล้านบาท ก็ขยายธุรกิจเอาอย่างต่อเนื่อง...
ส่วนในมุมด้าน “ความเหลื่อมล้ำให้กับสังคมไทย”... โดยตัวเลขล่าสุดจาก “CS Global Wealth Report 2018” ของเครดิตสวิส Private Banking สรุปสาระสำคัญได้ว่า
“คนไทย 1% มีสินทรัพย์เท่ากับ 66.9% ของทรัพย์สินรวมทั้งประเทศ และสูงที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลก” และ
คนไทยที่จนสุด 10% มีทรัพย์สิน 0%...ขณะที่ถ้า 50% หรือ 25 ล้านคน ก็ยังมีแค่ 1.7% ...และถ้าเอา 70% หรือ 35 ล้านคน ก็เพิ่มไปเป็นแค่ 5%
ตอบแทนนายทุน? ... เผาป่าล่าหนู?... ทวีความเหลื่อมล้ำ?... สุจริตงานของรัฐ?... ทุจริตเชิงนโยบาย? ...... พิจารณาเอาเองนะครับ