กล้าหาญ เอื้ออาทร ยืดหยุ่น ผู้นำแบบ 'คริสตีน ลาการ์ด'
ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ "คริสตีน ลาการ์ด" มาดำรงตำแหน่งประธานแทน "มาริโอ ดรากี" ซึ่งครบวาระไปเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
โดยข่าวเรื่องลาการ์ดจะเข้ามาดำรงตำแหน่งประธาน ECB ได้รับการแพร่หลายมาหลายเดือนแล้ว ทั่วโลกจับตามองหญิงเก่งผู้นี้อย่างสนใจยิ่งเพราะเธอไม่เคยมีสายสัมพันธ์เชื่อมโยงกับ ECB มาก่อน
ก่อนหน้านี้เธอได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ การคลังและอุตสาหกรรมของฝรั่งเศส และได้รับแต่งตั้งเป็นหัวหน้ากองทุนการเงินระหว่างประเทศเมื่อปี พ.ศ. 2554 ลาการ์ดเป็นผู้หญิงคนแรกที่เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศจี 8 และเป็นผู้หญิงคนแรกที่เป็นประธานไอเอ็มเอฟ และในเร็วๆนี้ก็จะได้เป็นผู้หญิงคนแรกที่ดำรงตำแหน่งประธาน ECB
โดยคณะกรรมการบริหารของ ECB ระบุว่า นางลาการ์ดมีประสบการณ์ในวิชาชีพทางด้านเงินและการธนาคาร เป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป จึงเหมาะสมที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งประธานของ ECB โดยภารกิจแรกๆของเธอคือ การหามาตรการควบคุมภาวะเงินเฟ้อและบังคับใช้นโยบายด้านการเงินในกลุ่มอียู ซึ่งอีกไม่นานเราก็จะได้ติดตามความสามารถของเธอกันต่อไป
ลาการ์ดเป็นผู้หญิงที่มีความรู้ความสามารถมาก ก่อนหน้าที่จะเป็นประธานไอเอ็มเอฟและ ECB เธอก็ได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นประธานหญิงคนแรกของสำนักงานทนายความระหว่างประเทศ เบเกอร์แอนด์แมกเคนซี เมื่อปี พ.ศ. 2552 ด้วยพื้นฐานการศึกษาด้านกฏหมาย ลาการ์ดเคยเป็นนักต่อต้านการผูกขาดและทนายความแรงงานที่มีชื่อเสียง และเมื่อดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรี เดอะไฟแนนเชียลไทมส์ก็ได้จัดอันดับให้เธอเป็นรัฐมนตรีคลังที่ดีที่สุดในยูโรโซนในปี พ.ศ. 2552 และในปีเดียวกันนั้นนิตยสารฟอร์บส์ก็ได้จัดอันดับให้เธอเป็นหญิงทรงอิทธิพลที่สุดของโลกลำดับที่ 17 เป็นเรื่องน่าศึกษาว่าหญิงเหล็กท่านนี้มีค่านิยมในการเป็นผู้นำอย่างไร
เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ลาการ์ดได้รับเชิญให้ไปรับรางวัลผู้นำระดับนานาชาติที่โดดเด่นจากสภาแห่งแอตแลนติค (เป็นสภาที่ชุมนุมผู้นำในด้านกิจการระหว่างประเทศ ทำงานเกี่ยวข้องกับความมั่นคงระหว่างประเทศและความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจระดับโลก ก่อตั้งขึ้นในปี 1961 มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.) ในงานเธอได้กล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับความคิดเห็นส่วนตัวของเธอในเรื่องของภาวะผู้นำ ทั้งนี้เมื่อพิจารณาจากเนื้อหาของสุนทรพจน์ที่เธอกล่าวจะรู้สึกได้ถึงความถ่อมตัวของเธอ
เธอกล่าวว่าการที่ทางผู้จัดงานได้แสดงข้อมูลประวัติและรูปถ่ายของเธอตั้งวัยเยาว์จนประสบความสำเร็จเป็นประธานไอเอ็มเอฟ ข้อมูลนั้นมีรายละเอียดมากมายแต่ขาดเรื่องหนึ่งที่สำคัญต่อเธอมาก นั่นคือเรื่องราวของบุคคลหลายคนที่มีส่วนช่วยเหลือสนับสนุนให้เธอก้าวมาได้จนถึงวันนี้ ซึ่งเป็นบุคคลที่เธอต้องขอบคุณพวกเขาเหล่านั้น ด้วยเวลาที่จำกัดเธอกล่าวถึงบุคคลบางคนที่ทำให้เธอได้เรียนรู้ถึงคุณสมบัติของการเป็นผู้นำที่ดี
เริ่มจากมารดาของเธอเอง มารดาของเธอเป็นผู้ที่เข้มงวดแต่ก็มีความอ่อนไหวต่ออารมณ์ความรู้สึกของลูกๆ เป็นอาจารย์สอนภาษากรีกและละตินดึกดำบรรพ์ เป็นนักสกีที่เก่ง เป็นนักขับรถแข่ง เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่เลี้ยงเธอและพี่น้องผู้ชายคนอื่นหลังบิดาถึงแก่กรรมตั้งแต่ลูกๆยังเยาว์วัยอย่างประสบความสำเร็จ ซึ่งมารดาของเธอทำได้เพราะมีความกล้าหาญ (courage) ความเอื้ออาทร (generosity) และความยืดหยุ่น (resilience) อันเป็นคุณสมบัติที่จำเป็นสำหรับการเป็นผู้นำที่ดี
ถัดจากมารดาของเธอ ลาการ์ดกล่าวขอบคุณผู้หญิงคนที่จ้างเธอเป็นทนายฝึกหัดสมัยทำงานอยู่ที่สำนักงานทนายความเบเกอร์ แอนด์แมกเคนซี ผู้หญิงท่านนั้นสอนเธออยู่ 3 เรื่องคือ วิธีการแต่งตัว (dress) การโอภาปราศรัย (address) และการแก้ไขปรับปรุง (redress) (น่าสังเกตวิธีการเล่นคำภาษาอังกฤษของลาการ์ด คือ dress, address, redress) เข้าใจว่าผู้หญิงที่เป็นแบบอย่างของลาการ์ดที่สำนักงานทนายความเบเกอร์ แอนด์แมกเคนซี น่าจะไม่ผิดหวังกับตัวของลาการ์ด เพราะเธอแต่งตัวดีเหมาะสมกับกาละเทศะ มีจิตวิทยาในการโอภาปราศรัย มีจิตสาธารณะทำงานเพื่อสังคม และมีทักษะในการทำงานแก้ไขปรับปรุงเรื่องต่างๆได้ดีเป็นที่ยกย่อง
จากนั้นลาการ์ดได้พูดถึงบุคคลอีกสามท่านที่เธอได้พบในระหว่างทำงานกับไอเอ็มเอฟ คนแรกเป็นผู้หญิงชื่อ แม็กซิมิเลียนา ทาโก เธอเป็นชาวเปรูที่ครอบครัวถูกผู้ก่อการร้ายสังหารตายหมด เธอไม่มีการศึกษา ใช้ชีวิตอย่างยากจน กินอยู่ไปวันๆ บางครั้งพอขายหนูตะเภาได้เงินสดมา ก็มักจะโดนปล้นเอาเงินไปบ่อยๆ เธอไม่ท้อถอย แต่สู้ชีวิตอย่างเต็มที่โดยอาศัยวิธีใช้เงินจำนวนน้อยที่ได้จากบัตรเครดิตมาลงทุนซื้อข้าวของทำฟาร์มเลี้ยงหนูตะเภา แล้วเธอก็ยังได้สอนเพื่อนบ้านเรื่องการใช้เงินจากบัตรเครดิตผ่านทางโทรศัพท์มือถือเพื่อมีทุนมาทำฟาร์มอย่างปลอดภัยไม่ต้องใช้เงินสด นี่คืออีกตัวอย่างหนึ่งของความกล้าหาญ เอื้ออาทร และยืดหยุ่น
ลาการ์ดได้พบหญิงผู้นำชาวบ้านอีกคนที่มีความพิเศษมากๆที่เกาะลอมบอก ประเทศอินโดนีเซีย เกาะลอมบอกเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงเมื่อปีที่แล้ว บ้านเรือนถูกทำลายไม่มีเหลือ ทำการเพาะปลูกไม่ได้ เมื่อลาการ์ดเดินทางไปที่เกาะนี้ได้พบหญิงผู้นี้กำลังทำงานกับเพื่อนบ้านที่เธอชักชวนมาให้ช่วยกันเก็บซากปรักหักพังเพื่อมาสร้างที่อยู่อาศัยกันใหม่ เมื่อหญิงผู้นี้ทราบว่าลาการ์ดเดินทางมาที่หมู่บ้าน เธอก็เดินมาหา ตอนแรกลาการ์ดคาดว่าหญิงชาวลอมบอกคงจะมาขอความช่วยเหลือจากไอเอ็มเอฟ แต่ผิดคาด หญิงผู้นั้นกล่าวอำนวยพรให้ลาการ์ดมีการเดินทางที่ปลอดภัย และนี่ก็คืออีกตัวอย่างของความกล้าหาญ เอื้ออาทร และยืดหยุ่นที่อดีตประธานไอเอ็มเอฟประทับใจ
ตัวอย่างสุดท้ายที่ลาการ์ดยกย่องก็คือกลุ่มเจ้าหน้าที่ดับเพลิงในกรุงปารีสที่ทำหน้าที่ดับเพลิงที่ลุกไหม้มหาวิหารโนเตรอะดามในกรุงปารีส ผู้พันและลูกทีมเจ้าหน้าที่เหล่านั้นทำงานมาแล้วไม่ต่ำกว่า 48 ชม. แต่ก็ยังไม่ท้อถอยที่จะดับเพลิงและกู้มหาวิหารอย่างดีที่สุด ผู้พันเล่าให้ลาการ์ดฟังว่ามีคนหนุ่มวัยยี่สิบกว่าจำนวน 20 คนอาสาที่จะปีนขึ้นไปบนหอคอยสองหอคอยของมหาวิหารเพื่อที่จะสามารถฉีดน้ำจากข้างบนมหาวิหารให้ได้ แทนที่จะฉีดน้ำจากข้างล่าง เพราะมหาวิหารไม่ใช่เป็นเพียงแผ่นอิฐแผ่นปูน แต่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่าต่อจิตใจของชาวฝรั่งเศสและชาวโลกที่เป็นสัญลัษณ์ของสันติภาพ ความรัก ความศรัทธา การบูชา เป็นสถานที่ซึ่งพ่อแม่ของลูกหลานชาวฝรั่งเศสแต่งงานกันที่นั่น ฯลฯ ดังนั้นทั้งเจ้าหน้าที่และบรรดาจิตอาสาทั้งหลายจึงพร้อมใจกันที่จะรักษามหาวิหารไว้อย่างดีที่สุดกระทั่งจะยอมเสี่ยงชีวิตปีนขึ้นหอคอยสูง ตัวผู้พันเองก็บอกว่าถ้าเขายังหนุ่มแน่น เขาก็จะร่วมกับกลุ่มคนหนุ่มปีนหอคอยเพื่อดึงท่อดับเพลิงไปฉีดน้ำจากข้างบนเช่นกัน ...เป็นตัวอย่างที่น่าประทับใจที่ตอกย้ำเรื่องความกล้าหาญ เอื้ออาทร และยืดหยุ่นให้กับลาการ์ดอีกครั้ง
หากใครได้ศึกษาประวัติคริสตีน ลาการ์ดถึงผลงานและกิจกรรมการเคลื่อนไหวต่างๆของเธอที่ผ่านมา เช่น ต่อต้านการผูกขาด ต่อต้านความไม่เท่าเทียมกันทางเพศ ได้เห็นได้ฟังลีลาท่าทางน้ำเสียงในการสัมภาษณ์ของเธอ จะเห็นได้ว่าเธอเป็นผู้นำหญิงที่เป็นตัวของตัวเอง ฉลาด มั่นใจกำลังพอดีๆ น้ำเสียงไม่ก้าวร้าว กล้าหาญที่จะแตกต่าง เอื้ออาทรต่อเพื่อนร่วมงานและชาวโลก และมีความยืดหยุ่นปรับตัวได้เหมาะสมตามกาละเทศะ เป็นตัวอย่างที่ดีของผู้หญิงอีกหลายๆคนที่กำลังฝ่าขวากหนามอุปสรรคนานัปการเพื่อก้าวเป็นผู้นำโดยไม่จำเป็นต้องทำตัวเหมือนผู้ชายหรือไปข่มทับผู้ชาย