ทดสอบมวลชน ลงถนนเกมยาว!
ผ่านไปแล้วสำหรับ “แฟลชม็อบ” ครั้งแรกของธนาธร และพรรคอนาคตใหม่
กองเชียร์ไม่ได้อุ่นหนาฝาคั่งสักเท่าไร แต่ฝ่ายที่สนับสนุน “ลุงตู่”หรือฝ่ายหมั่นไส้ธนาธรก็อย่าไปซ้ำเติม เยาะเย้ย ถากถาง เพราะงานนี้เป็นเกมยาว ไม่ใช่หนังม้วนเดียวจบ บรรดา hate speech ก็ควรจะเพลาๆ ลงบ้าง
สิ่งที่ธนาธรและอนาคตใหม่กำลังทำ จริงๆ แล้วในทางความมั่นคงเรียกว่า “ทดสอบมวลชน” ว่ามีความพร้อมในการจะยกระดับต่อไปแค่ไหน โดยครั้งนี้เป็นการทดสอบเฉพาะมวลชนที่มาโดยธรรมชาติ เพื่อประเมินกำลัง ประเมินอารมณ์ความรู้สึก
เหมือนตลอดหลายเดือนที่ผ่านมามีการจัดกิจกรรมต่างๆ หลากหลาย เช่น อยู่ไม่เป็น หรือแม้แต่การระดมกองเชียร์ไปแสดงพลังเวลาแกนนำพรรคต้องขึ้นศาล หรือไป กกต. ทราบว่าทางพรรคมีการเก็บสถิติตัวเลข กำหนดตัวชี้วัดอย่างเป็นระบบ และมียุทธศาสตร์ไม่น้อยเลย
หลังจากนี้ก็จะมีอีก และมีไปเรื่อยๆ โดยการสร้างประเด็นใหม่ๆ พร้อมๆ กับทบทวนแผน ปิดจุดอ่อน ขยายจุดแข็ง รอจังหวะที่เป็นเงื่อนไข “จุดติด”
อย่าลืมว่า “ฮ่องกง” ที่แทบจะล่มสลาย ก็มีจุดเริ่มจากกฎหมายแค่ฉบับเดียว เหมือนกับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่มีเสียงสนับสนุนค่อนสภา ก็พังเพราะกฎหมายนิรโทษกรรม
ฉะนั้นรัฐบาลจึงไม่ควรประมาท และควรหันมาสำรวจตัวเองว่า อะไรกันแน่ที่จะทำให้เกิดความสงบสุขอย่างแท้จริง ลดแรงกดดันเหมือนแง้มฝากาต้มน้ำที่กำลังเดือดปุดๆ เพื่อให้ไอร้อนมีช่องทางระบาย ไม่ใช่เก็บกดไว้จนระเบิด
เรียกร้องให้อนาคตใหม่และฝ่ายค้านเล่นในสภา ก็ต้องเปิดทางให้เขาเล่นด้วย การทำงานในคณะกรรมาธิการต่างๆ ต้องได้รับการสนับสนุน ไม่ใช่เอาแต่สกัด เตะตัดขา โหวตแพ้ก็หาทางลงคะแนนใหม่ แบบนี้ก็เท่ากับปลดกลอน เปิดประตูให้เขาไปเล่นนอกสภา
นายกฯและผู้ใหญ่ในรัฐบาลเองก็ควรให้เกียรติสภาบ้าง เขาเรียกให้ไปตอบในคณะกรรมาธิการ ถ้ามันไม่ได้เสียหาย ไม่ได้ส่งผลอะไรทางกฎหมาย ก็ให้เกียรติไปตอบเขาหน่อย ถือว่าสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่
วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ว่างจากภารกิจ ก็แวะเวียนไปเยี่ยมชาวบ้านร้านตลาด คนหาเช้ากินค่ำบ้าง ไปแบบไม่ต้องเกณฑ์ม็อบสนับสนุนมารอรับ เผื่อจะได้ฟังเสียงจริงจากประชาชนคนไทยในพื้นทึ่ต่างๆ ไม่ใช่ดูแต่ตัวเลขและฟังแต่เสียงเชลียร์
เศรษฐกิจ ปากท้อง ต้องแก้ให้ได้ ปัจจุบันการค้าขายเปลี่ยนตลาด ย้ายแพลทฟอร์ม รัฐบาลจะคิดแบบเมื่อก่อนไม่ได้ และต้องไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง ถ้าได้แสดงความพยายามให้คนเขาเห็นบ้าง เลิกอุ้มคนใกล้ตัว และสร้างข่าวดีให้มีแทรกในข่าวร้าย บ้านเมืองอาจไม่เดินเข้าสู่โซนอันตรายเหมือนกับที่กำลังกังวลกัน