3เดือน 'บิ๊กนายพล' ย้ายบ้านพ้นค่ายทหาร

 ถือเป็นคำมั่นสัญญาจาก “ลูกผู้ชาย” ที่ให้ไว้กับประชาชน ให้ไว้กับประเทศชาติ รอครบ 3 เดือน คงมีหลายภาคส่วนออกมาทวงสัญญา

“บิ๊กแดง” เริ่มต้นด้วยการทำเอ็มโอกับ กระทรวงการคลัง คืนพื้นที่ราชพัสดุ ที่อยู่ในความดูแลของกองทัพบก ให้กลับไปอยู่ในความดูแลของ กรมธนารักษ์ ก่อนจะให้ กระทรวงการคลัง เข้ามาบริหารจัดการพื้นที่ โดยมีแนวคิดให้ เอกชน เข้ามาบริหารจัดการ โรงแรม-สนามกอล์ฟ-สนามมวย ก่อนหลังเงินเข้าคลัง แบ่งบางส่วนให้ กรมสวัสดิการทหาร

หลังจากนี้คงมีอีกหลายมาตรการออกมาสยบ “ธุรกิจสีเทา” ในคราบ “คนสีเขียว” ออกมาให้เห็นกันอีก แม้ “บิ๊กกองทัพ” จะต้องทุบหม้อข้าวตัวเอง เวลานี้ก็ต้องยอม เพราะไม่สามารถต้านกระแสสังคมได้

แถม “กองทัพ” ยังอยู่ในเงื่อนไขของความขัดแย้งทางการเมือง มีพรรคการเมืองรอเปิดข้อมูล “ธุรกิจสีเทา” ที่อยู่ภายใต้ความดูของ “เหล่าทัพ” อยู่ หากไม่ทำให้ “เหล่าทัพ” สะอาดโปร่งใส ทุกอย่างจะย้อนมาทิ่มแทง “เหล่าทัพ” เสียเอง

เมื่อ “บิ๊กแดง” ประกาศเอาจริงเอาจังกับการจัดระเบียบ “เหล่าทัพ” อื่น ก็ต้องเริ่มขยับ เพราะ “ธุรกิจสีเทา” ไม่ได้มีอยู่เพียงแค่ “กองทัพบก” เท่านั้น “กองทัพเรือ-กองทัพอากาศ-ตำรวจ”ต่างมีหลากหลายธุรกิจที่อยู่ในความดูแล

หากขยับแค่ “กองทัพบก” ก็จะปิดแผลไม่หมด “เหล่าทัพ” ต้องปฏิรูปตัวเองทั้งหมด ไม่เช่นนั้นภัยจะมาถึง

ทว่าภายใน 3 เดือน สิ่งแรกที่ “บิ๊กแดง-กองทัพบก” ต้องทำให้ “ผู้ใต้บังคับบัญชา” ได้เห็นเป็นประจักษ์ว่า “ผู้บังคับบัญชา” เอาจริงเอาจัง โดยเฉพาะประเด็น “บ้านพักทหาร” โฟกัสไปที่ทหารที่เกษียณอายุราชการแล้ว ซึ่งหลายคนยังมีบ้านใหญ่โตอยู่ในค่ายทหาร

หากลองไล่ดู “นายพลระดับบิ๊ก” มีบ้านอยู่ในค่ายทหารหลายคน หนึ่งในนั้นคือ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่มีบ้านอยู่ใน ร.1 รอ. แถมยังทำเป็นที่ตั้งของ มูลนิธิป่ารอยต่อ อีกต่างหาก

หากครบ 3 เดือน “บิ๊กป้อม” เดินนำหน้า “นายพลระดับบิ๊ก” เก็บเสื้อผ้าออกจากค่ายทหาร วันนั้นแสดงว่า “บิ๊กแดง” สอบผ่าน และจะได้ในประชาชน