แผนสอง..พลพรรคสีส้ม 'ธนาธร-ปิยบุตร-พรรณิการ์' รุกรับจับศึก?
ไม่ว่าศึกคดีกู้เงิน 191 ล้าน ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยบ่ายวันนี้ ชี้ชะตา "พรรคอนาคตใหม่" จะอยู่หรือไปก็ตาม
สถานการณ์ภายในพลพรรคสีส้มย่อมมีการตระเตรียม "แผน" รองรับไว้แล้ว
"เสี่ยเอก" ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พร่ำพูดกับสื่อและกองเชียร์มาโดยตลอดอยู่แล้วว่า ไม่วิตก เพราะพรรคอนาคตใหม่ คือการเดินทางและผู้คน คือจิตวิญญาณที่แน่วแน่ที่จะสร้างสรรค์ประชาธิปไตยในประเทศไทย และทำให้สังคมไทยมีความเสมอภาค ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพ
"ยุบพรรคยุบได้ แต่จะยุบอุดมการณ์ หรือยุบความตั้งใจแน่วแน่อย่างนี้ไม่ได้ ยุบก็สร้างใหม่ ยุบก็สู้ต่อ ซึ่งหากโดนยุบพรรคเราก็ยังมี ส.ส.ในสภาอยู่ ยุบพรรคไม่ได้หมายความว่า ส.ส.ของเราจะหายไป"
"อาจารย์ป๊อก" ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ เคยพูดมาก่อนหน้านี้เช่นกันว่า ถ้าศาลสั่งยุบพรรค ส.ส.ทุกคนย้ายไปอยู่พรรคการเมืองที่มีแนวทางเดียวกับอนาคตใหม่พร้อมเพียงกัน สมาชิกพรรคกว่า 6 หมื่นคน ไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคใหม่ ต่อแถวให้ยาวทุกอำเภอทุกจังหวัดไปอยู่ที่ใหม่เป็นแสนเป็นล้าน
"ยุบพรรคเพื่อหวังให้นายธนาธรและนายปิยบุตรหายไปจากการเมืองไทย แต่เราคุยกันเรียบร้อยแล้ว นายธนาธรจะรณรงค์การเมืองต่อเนื่อง จะไม่กลับไปทำธุรกิจ ส่วนตนจะเดินสายอภิปรายทั่วประเทศ"
"ช่อ" พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ เคยพูดอีหรอบคล้ายกันว่า ไม่ว่าคำตัดสินจะออกมาในทิศทางใด พรรคอนาคตใหม่ก็ได้เตรียมการรับมือไว้หมดแล้ว แต่ยังไม่ขอเปิดเผยในเวลานี้
นี่เอง ทำให้เห็นว่าทั้ง 3 แกนนำพลพรรคส้มหวาน มีความแน่วแน่ว่า คำตัดสินไม่สามารถจบเส้นทางการเมืองได้ หากดูอายุอานาม เสี่ยเอก ธนาธร วัย 41 , อาจารย์ป๊อก ปิยบุตร วัย 40 และ ช่อ พรรณิการ์ วัย 32 ยังถืออายุยังน้อยบนเส้นทางสายการเมือง
บทเรียนอุปสรรคตั้งแต่คดีที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำการล้มล้างการปกครอง ตามมาตรา 49 แห่งรัฐธรรมนูญ หรือที่รู้จัก "คดีอิลลูมินาติ" ก็รอดมาแล้ว และมาถึงคดีเงินกู้ 191 ล้าน ซึ่งเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ มองพรรคโดนข้อหาฝ่าฝืนมาตรา 62, 66 และ 72 ซึ่งมีมติเอกฉันท์ว่าผิดและฟ้องร้องให้ยุบพรรคฯ ขอตั้งข้อสังเกตว่า กระบวนการตั้งแต่การฟ้องร้องที่ผ่านไปเพียงสองสัปดาห์ มาตรา 72 โผล่ขึ้นมาได้อย่างไร และยืนยันว่าตามกฎหมายศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจในการยุบพรรคการเมือง
อีกทั้ง ยังพูดชัดไม่ได้ขู่ว่า "หากมีการตัดสินยุบพรรค ผมและนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค จะทำการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล นอกสภา.." (6 ก.พ.)
ขณะเดียวกัน ต้องไม่ลืมว่า พรรคอนาคตใหม่ถูกฟ้องร้องรวม 20 คดี แต่น่าวิบากเสี่ยงยุบพรรคถึง 8-10 คดี เท่ากับว่ายังมีเรื่องให้ลุ้นอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้น การเตรียมพร้อมไม่ใช่แค่เตรียม "พรรคสำรอง" แต่การ "เตรียมมวลชน" ปลุกปลอบรองรับสถานการณ์ยิ่งสำคัญกว่า อย่างที่ทราบอยู่แล้ว "เกมในสภา" แบ่งออกเป็น 3 ขั้วใหญ่ คือกลุ่มธนาธร กลุ่มทักษิณ และกลุ่มประยุทธ์
หากประเมินเดินเกมของ "กลุ่มธนาธร" ในช่วงที่ผ่านมา ได้ผลตอบรับในแง่ "แนวร่วมเพิ่ม" มากกว่ากลุ่มทักษิณและกลุ่มประยุทธ์ แม้ว่าจะต้องพบอุปสรรควิบากเรื่องเก่าอยู่ก็ตาม แต่การ "เล่นกับกระแส" กับคนรุ่นใหม่ ที่เบื่อกับนักการเมืองเขี้ยวลากดิน และกลุ่มอำนาจอุปถัมภ์ ย่อมได้ผลยิ่งนัก
อย่าลืมว่า คนไทยจำนวนไม่น้อย ชอบเชียร์ "มวยรอง" ยิ่งถูกกระทำก็ยิ่งสงสาร และนี่เป็นเรื่องที่ "คนมีอำนาจ" รู้และอ่านทางออก จึงไม่มีใครกล้าลงดาบแรง อาจเพลี้ยงพล้ำได้ ทำให้เกมรุกและรับของ "อนค." คือเดินหน้า "ฟ้องประชาชน" อย่างต่อเนื่อง เก็บแต้มสร้างราคา รอเวลา..
เพราะยังไง "กลุ่มธนาธร" โดยอายุอานามยังรอได้ แต่สำหรับ "กลุ่มทักษิณ" และ "กลุ่มประยุทธ์" มีแต่สูงวัย ก็เหมือนพระอาทิตย์ใกล้อัสดง!!