เกมเสี่ยง! 'คณะอนาคตใหม่' เดินหน้าสู้ และพื้นที่สังหาร?
สถานการณ์ภายใน "อนาคตใหม่" หลังพรรคถูกยุบ น่าจับตาอย่างยิ่ง ในภาวะเสียขวัญ แค้นเคือง ต้องเอาคืน และท่ามกลางกระแส "งูเห่าแตกรัง"
ไม่แปลกใจ การที่ "ชัช เตาปูน" ชัชวาลย์ คงอุดม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไท ยอมรับว่ามี ส.ส. ที่เคยสังกัดพรรคอนาคตใหม่ ติดต่อเข้ามาเกิน 10 คน ยินดีต้อนรับแต่ยังไม่แน่นอนว่า จะย้ายมาเพิ่มเท่าไร เพราะมีเวลาตัดสินใจ 60 วัน
แม้ว่า ก่อนหน้านี้ทั้ง ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ, ปิยบุตร แสงกนกกุล และ พรรณิการ์ วานิช ต่างเชื่อมั่นว่าหลังพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ ส.ส.ส่วนใหญ่ จะย้ายตามกันไปทั้งหมด แต่ความในกระแสข่าวและความเป็นไปได้ ส.ส. 65 คน คงไม่ไปด้วยกันทั้งหมด
การที่ "ช่อ" พรรณิการ์ วานิช ออกมาจัดแถลง "อภิปรายไม่ไว้วางใจนอกสภา" กล่าวหารัฐบาลอาจเกี่ยวโยงทุจริต 1 MDB อาชญากรรมฟอกเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลกหรือไม่ ซึ่งวันนี้ (24 ก.พ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เผยว่าให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณา ถ้าฟ้องได้ก็ฟ้อง
นี่เป็น "เกมเสี่ยง" เพราะเกิดคดีความแน่นอน ซึ่งอภิปรายในสภามี "เอกสิทธิ์ ส.ส." คุ้มครอง ซึ่งเชื่อว่า "ช่อ พรรณิการ์" คงรู้อยู่แล้ว แต่เมื่อสถานการณ์ยุบพรรคเกิดขึ้นแล้ว สิ่งที่เคยประกาศไว้เสมือนเป็น "แผนสอง" ต้องเดินหน้าเช่นกัน เพื่อแสดงว่าต่อสู้ไม่ถอยและรักษาฐานมวลชน แนวร่วมไม่ให้เสียขวัญ
ทว่า รอยรั่วความระส่ำจากเหตุยุบพรรค ถือเป็น "แผลสด" ที่ยังรักษาอาการไม่ทันดีเท่าไหร่ ยังต้องลุยอภิปรายทั้งในและนอกสภาฯ อาจมีแผลใหม่เกิดขึ้น จะยิ่งเจ็บหนักก็เป็นได้
ขณะเดียวกัน ความสัมพันธ์และระยะห่าง "คณะอนาคตใหม่" กับ "พรรคใหม่" ของกลุ่ม ส.ส. ที่จะย้ายเข้าไปสังกัด ต้องระวังเรื่องของข้อกฎหมายเรื่องครอบงำพรรค จะเสี่ยงถูกร้องยุบพรรคอีกรอบ
ดังที่ "เสี่ยเต้น" ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. เตือนผ่านเฟซบุ๊คว่า อนาคตใหม่ต้องพาตัวเองออกจากเหตุยุบพรรค ไม่ต้องไปลงรายละเอียดคำวินิจฉัยยุบพรรค ให้นักวิชาการทำไป เพราะโจทย์ที่ยากกว่าคือการย้ายไปสู่พรรคใหม่ จะตั้งหลักโดยเร็วได้อย่างไร ต้องมองไปข้างหน้า จัดวางความสัมพันธ์กับแกนนำชุดเดิมกับชุดใหม่
"รักษาระยะห่างให้ดี อย่าเข้าพื้นที่สังหาร อย่าให้ถูกกล่าวหาได้ว่า พรรคการเมืองที่เป็นบ้านใหม่ถูกครอบงำโดยกรรมการบริหารชุดเดิม ไม่งั้นละก็เข้าร่องแข้งโดนยุบพรรคอีกรอบแน่ๆ"
เช่นเดียวกับเสียงเตือนของ "เฮียชู" ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โพสตเฟซบุ๊ค ระบุตอนหนึ่งว่า การเมืองคือการเมืองวันยันค่ำ จะเจรจาปราศรัยให้สวยหรูอย่างไร จะวาดฝันให้คนรุ่นใหม่อย่างไร เมื่อไร้ซึ่งอำนาจ ไม่มีที่ยืนในสภา ก็ไม่มีทางที่จะทำให้ฝันเป็นจริงได้
"การอภิปรายนอกสภา จึงเป็นเพียงแค่ลิเกหลงโรง ไร้ความหมาย พูดที่ข้างถนน หรือในหอประชุมมหาวิทยาลัย มันแตกต่างคนละเรื่องกับไปพูดในสภา ความศักดิ์สิทธิ์มันหายไป แถมพูดไม่ดีมีคดีเพิ่มอีก ไม่มีอภิสิทธิ์ ส.ส. คุ้มครองเหมือนอยู่ในสภา ทำเพื่อให้เลี้ยงกระแสไปได้เท่านั้น ผลลัพธ์หามีกระเทือนรัฐบาลไม่.."
ทั้งนี้ หากวิเคราะห์และประเมินเสียงเตือนผู้มีประสบการณ์ตรง ทั้ง "เสี่ยเต้น" และ "เฮียชู" แล้ว น่าพินิจพิเคราะห์ "สถานการณ์ความเป็นจริง" ว่าช่วงจังหวะนี้ควรเดินต่ออย่างไรจะไม่เสียกระบวน และใช้กลุ่ม ส.ส. ในสภาที่เหลืออยู่ ขับเคลื่อนทางการเมืองอย่างไรต่อ
เมื่อพลาดแล้วใช้เป็นบทเรียน อย่าแค้นเคืองจนหน้ามืดตามัว เดินลงบ่อที่เขาขุดล่อไว้!!