ถึงเวลา 'นาย' ต้องเลือก
ยังเช็คบิลกันไม่จบ รายของพรรคเพื่อไทย ที่เสียฟอร์มอย่างรุนแรง ในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา
ปล่อยให้ฝ่ายรัฐบาลยึดฟลอร์แถลงผลงานหน้าตาเฉยแล้ว
ประชุมพรรคเพื่อไทยเมื่อวันที่ 3 มี.ค. ที่ผ่านมา ก็เลยซัดกันนัวเนียในที่ประชุม ส.ส.น้อยใหญ่ ลุกขึ้นตำหนิการทำงานของพรรคอย่างดุเดือดเลือดพล่าน ยิงคำถามเสียงดังว่า “มีงาน” อย่างที่เขาว่ากันจริงไหม
ร้อนถึงหัวโต๊ะอย่าง “เฮียพงษ์” สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรค และผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ที่ต้องยืนยันหัวเด็ดตีนขาดว่า ไม่มีการเกี้ยเซียะกับฝ่ายรัฐบาลอย่างแน่นอน เป็นแค่ขบวนการปล่อยข่าวดิสเครดิตให้เกิดความระหองระแหงภายในเท่านั้น
แต่ “เฮียพงษ์” ก็แสดงสปิริตก้มหน้ายอมรับว่า ศึกซักฟอกที่ผ่านมา “ห่วยแตก” กันจริงๆ
สืบสาวราวเรื่องก็มาจากความไม่ลงกันของ 2 ทีม หนึ่ง คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค ที่นำโดย “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อีกหนึ่ง คณะกรรมการกิจการพิเศษ ที่นำโดย “สารวัตรใหญ่” ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง
ย้อนไปก่อนถึงฤดูกาลซักฟอก เป็น “สารวัตรเหลิม” สบช่องที่ “หญิงหน่อย” ไม่สันทัดงานสภาฯเท่าไร แบกยี่ห้อ “ดาวสภา” โผล่ไปเสนอตัวกับ “คนแดนไกล” ขอรับเป็นโต้โผถล่มรัฐบาล จนได้ไฟเขียวมาตั้งทีมงาน เซตอัพวอร์รูมประชุมถี่ยิบเป็นแรมเดือน
เสียงจิ้งจกร้องทักตั้งแต่ตอนนั้นแล้วว่า มันทะแม่งๆ มีอย่างที่ไหนตั้งโต๊ะแถลงข่าวบอกข้อสอบกันทุกสัปดาห์
อภิปรายวันแรก ปล่อยคิว “เสี่ยโจ้” ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม ตัวแทนจาก “ทีมเหลิม” เป็นไม้แรกหลังเปิดญัตติ คุยเขื่อง “ไอ้โจ้” คนเดียวสอย “ประยุทธ์และคณะ” ร่วง แบบคนอื่นไม่ต้องซ้ำให้เปลืองกระสุน ที่ไหนได้ อภิปรายไปไม่ได้ไม่ถึงครึ่งทาง “หางโผล่” พวกออกมาโห่นอกห้องประชุมว่า “ชกไม่สมศักดิ์ศรี” เป็นมวยไทยโดนไล่ลงตั้งแต่ยกแรกไปแล้ว
“คนแดนไกล” เกาะขอบจออยู่ ก็ได้กลิ่นไม่ดี ต้องสายตรงเรียก “เจ๊หน่อย” เข้าไปแบ็คอัพที่สภาฯด่วน 2-3 วันที่เหลือก็ปะผุกล้อมแกล้มกู้หน้ากลับมาได้บ้าง
ศึกซักฟอกที่ผ่านมา น่าจะเป็นบทเรียนครั้งใหญ่ของ “คนดูไบ” ที่หากคิดจะสู้ต่อ ปล่อยให้พรรคเละเทะแบบนี้ไม่ได้ เสียไปถึง “คนแดนไกล” ว่าเป็น “พญางูเห่าดูไบ” ซุ่มโปร่งดีลกับ “บิ๊กทหาร” ไปนู่น
ใครก็รู้ “เจ๊หน่อย – เฮียเหลิม” ไม่ต่างจาก “น้ำกับน้ำมัน” ไม่มีวันเข้ากันได้
ถึงเวลาที่ “เจ้าของเพื่อไทยตัวจริง” ต้องเลือกซักทางว่า “เหลิม” หรือ “หน่อย” ขับเคลื่อนพรรค
หากปล่อยให้เป็นเหมือนที่ผ่านมา ก็เตรียมสูญเสียการนำ ในฐานะพรรคที่มี ส.ส.มากที่สุด และเป็น “แกนนำฝ่ายค้าน” ไปให้ “อดีตพรรคอนาคตใหม่” พรรคน้องใหม่อายุไม่ถึง 2 ปี ที่แม้เสียกระบวนจากการถูกยุบพรรค แต่ก็ยังโดดขี่คอโกยเครดิตจากศึกไม่ไว้วางใจไปอื้อซ่า