'ประยุทธ์' ต้องตัดสินใจ! คนใน ครม. ต้องแสดงสปิริต?

สถานการณ์การแพร่ระบาด เชื้อไวรัลโคโรน่า โรคโควิด-19 หรือ COVID-19 ยังเป็น งานหนัก ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่ที่น่า "หนักใจกว่า" คือสถานการณ์ ความเชื่อมั่นของประชาชน ที่มีต่อรัฐบาล ยิ่งมีปัญหาเรื่องการกักตุนหน้ากากอนามัย และการแก้ป้องกันการแพร่เชื้อโรค ที่ดูเหมือนคนใน ครม. ต่างทำไปกันคนละทิศละทาง

จับสัญญาณจาก "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่แถลง (9 มี.ค.) ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 1/2563 ที่กระทรวงพลังงาน ตอนหนึ่งว่า วันนี้ขอร้องทุกคนแล้วว่า จะไม่ทำงานเพื่อการเมืองต้องชี้แจงให้ตรงจุด พร้อมเผยว่าอาทิตย์ที่ผ่านมางอมเต็มที ใจก็แย่ไปทุกวัน

เมื่อถามว่า นายกฯเหนื่อยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะว่าเหนื่อยก็คงเหนื่อย แต่ไม่มาก ยังทนไหว ไม่ใช่ทนหรอก คือมันต้องปลุกตัวเองให้ได้ก่อนว่าต้องทำถ้าไม่ทำแล้วจะทำอย่างไรกันต่อไป วันนี้อย่างน้อยในช่วงที่ยังอยู่ก็จะทำให้ดีที่สุด มากน้อยอยู่ที่ประชาชนจะเข้าใจผมหรือไม่เข้าใจ บางอย่างมันเกิดเร็วไม่ได้ เกิดเร็วก็ล้มทุกที ฉะนั้นถึงบอกว่าต้องเดินเป็นระยะและปรับเปลี่ยนไป โครงการไหนทำได้ก็ทำต่อโครงการไหนทำไม่ได้ก็ยกเลิก เพราะทุกอย่างเปลี่ยนไปตามสถานการณ์

"คนรุ่นเก่าและคนรุ่นใหม่ความคิดก็ต่างกัน ฉะนั้น ความขัดแย้งก็ค่อนข้างสูง แต่ต้องทำให้ได้นั่นคือสิ่งที่รัฐบาลและผมมีเจตนารมย์อย่างนั้น ผมได้พูดกับ ครม. รองนายกฯและ รัฐมนตรีทุกท่านไปแล้ว เราไม่ได้ทำการเมืองในขณะที่บ้านเมืองมีปัญหาเราต้องทำงานในนามของรัฐบาล เพื่อประชาชนทั้งประเทศ..."

คำว่า เหนื่อยและแย่ที่นายกฯพูดนั้น ย่อมรับรู้ "กระแสสังคม" ที่กดดันในเรื่องการทำงานของรัฐบาลที่ยังไม่พึงพอใจนัก อาจทำให้ "นายกฯ" กำลังคิดไตร่ตรองตัดสินใจบางอย่างหรือไม่

สอดรับกับข่าว ส.ส. และนักการเมืองบางกลุ่มในพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาผสมโรงให้พรรค ถอนตัวจากร่วมรัฐบาล จากปัญหาที่มีรัฐมนตรีรายหนึ่งมีข่าวไปเกี่ยวข้องกรณีกักตุนหน้ากากอนามัย แม้จะออกมาชี้แจงแล้วก็ตาม (รายละเอียดข่าว)

ขณะเดียวกัน องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลแสดงจุดยืนที่ชัดเจนในข่าวการโกงกินที่เกิดขึ้น เพื่อแสดงถึงความจริงใจในการแก้ปัญหา เสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนคนไทย

"อย่าปล่อยให้เรื่องดังกล่าวทำลายความเชื่อมั่นศรัทธา และทำร้ายความรู้สึกของประชาชนเพราะในการต่อสู้กับวิกฤติครั้งนี้เป็นหนึ่งในวิกฤติการณ์สะเทือนโลก การต่อสู้ยังอีกยาวไกล ดังนั้นการมีรัฐบาลที่พึ่งพาได้ ซื่อสัตย์จริงใจต่อความยากลำบากของประชาชน จะเป็นขวัญและกำลังใจที่ดียิ่งในการต่อสู้ร่วมกัน" (รายละเอียดข่าว)

นี่เท่ากับว่า ภาคประชาชนที่ไม่ได้อิงกับกลุ่มการเมืองมากนัก กำลังกดดันให้ "พล.อ.ประยุทธ์" ตัดสินใจ หรือคนใน ครม. แสดงสปิริตความรับผิดชอบ กับสิ่งที่ทำให้ประชาชนรู้สึกไม่เชื่อมั่นต่อการทำงานของรัฐบาล หากปล่อยไว้ยิ่งจะส่งผลเสียต่อความเชื่อมั่นภาพรวมของประเทศ

ท่ามกลางมรสุมการเมือง ข่าวฉาวของคนใน ครม. และความไม่มีประสิทธิภาพและเสถียรภาพของ "คณะรัฐมนตรี" ในการทำงานช่วงที่ผ่านมา ถือว่า "สมควรแก่เวลา" แล้วที่จะต้องปรับเปลี่ยนแบบชุดใหญ่ได้แล้ว

อย่าปล่อยให้ศรัทธาประชาชนเสื่อมถอยไปมากกว่านี้.. "พล.อ.ประยุทธ์" ต้องตัดสินใจ และคนใน "คณะรัฐมนตรี" ต้องแสดงสปิริต ก่อนจะสายเกินไป!!