ความจริงเรื่อง“เอกราช อธิปไตยไซเบอร์”(1)
ประธานาธิบดี แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน สี จิ้นผิง ได้กล่าวเสมอในการประชุมสุดยอดผู้นำโลกเกี่ยวกับปัญหา “อธิปไตยไซเบอร์” หรือ“Cyber Sovereignty"
ที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก ท่านกล่าวว่าทุกประเทศทั่วโลกมีสิทธิที่จะกำหนดนโยบายด้านไซเบอร์ในประเทศของตน เพื่อป้องกันการรุกรานโดยต่างชาติในรูปแบบที่ไม่ต้องใช้กำลังทางทหารหรือกระสุนแม้แต่เพียงนัดเดียว แต่เป็นการรุกรานหรือการล่าอาณานิคมในรูปแบบใหม่ ที่ประชาชนในประเทศเป้าหมายไม่ได้รับรู้ว่ากำลังถูกรุกรานอยู่ เนื่องการรุกรานดังกล่าวไม่ต้องใช้กำลังแต่อย่างใด เป็นการรุกรานทางความคิด ความเชื่อ ค่อยๆส่งข้อมูลเข้ามาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของคนในชาติเหล่านี้
เราคงเคยเห็นกันจากประสบการณ์ “Arab Spring” ในตะวันออกกลางมาแล้ว มีผลต่อการเลือกตั้ง มีผลต่อการเมืองการปกครอง ภัยจากการรุกรานเข้ามาเปลี่ยนความคิดดังกล่าวนั้น น่ากลัวยิ่งกว่าภัยจากการแฮกของแฮกเกอร์เสียอีก เนื่องจากแฮกเกอร์จะเข้าระบบเพื่อดึงข้อมูล หรือทำให้ระบบล่ม ที่เราเห็นปัญหามัลแวร์กันอยู่เป็นประจำ
หากแต่การเจาะเข้าไปในจิตใจของมนุษย์ ให้ปรับเปลี่ยนความคิด ความเชื่อ ความศรัทธา ทำให้ชอบหรือไม่ชอบ รักหรือเกลียดในบุคคล สินค้า หรือบริการ หรือบริษัทต่างๆ ตลอดจนผู้นำในแต่ละประเทศมีผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศต่างๆ ตลอดจนส่งผลกระทบถึงความมั่นคงของชาติหรือ “National Security” ในที่สุด
ในปัจจุบันคำว่า “Digital Economy” นั้นกลายเป็นคำที่ล้าสมัยไปเสียแล้ว เพราะ คุณดอน แท็ปสก็อตต์ ได้แต่งหนังสือ “Digital Economy” ไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 จนสำนักพิมพ์เพิ่งออกหนังสือเล่มใหม่ฉลองครบรอบยี่สิบปีเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งก็คือหนังสือเล่มดัง “Blockchain Revolution : How the Technology Behind Bitcoin Is Changing Money, Business, and the World” ดังนั้น “Digital Economy” จึงไม่ใช่คำใหม่แต่อย่างใด ในปัจจุบันและอนาคต
เรากำลังพูดถึง Buzzword คำใหม่ที่กำลังมาแรงนั่นคือ “Data Economy” หรือ “Data-Driven Economy” ความหมายของ “Data-Driven” หรือ “Data Economy” หมายความแบบง่ายๆ ว่าเรากำลังอยู่ในยุคที่อุปกรณ์ดิจิทัลและอินเทอร์เน็ตได้เข้ามามีบทบาทอย่างมากในชีวิตประจำวันของเรา ไม่ว่าจะเป็น สมาร์ทโฟน หรือ โซเซียลมีเดีย
ทุกวันนี้เรารู้สึกว่าชีวิตมีความสะดวกสบายขึ้น เราใช้งานโปรแกรมโซเซียลมีเดีย และ เซิรส์เอ็นจิ้นได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย แต่เราส่วนใหญ่จะไม่ค่อยได้เห็นด้านมืดของโปรแกรมเหล่านี้ จริงๆ แล้วคำกล่าวที่ว่า “ของฟรีไม่มีในโลก” ยังคงเป็นจริงเสมอ จึงกล่าวได้ว่า เราใช้ของฟรีก็จริง แต่เรากำลังจ่ายด้วย “ความเป็นส่วนตัวของเรา” (Our Privacy) โดยไม่รู้ตัว (อ่านต่อฉบับวันที่ 1 เม.ย.2563)