เรื่องที่ “ต้องทำ” ในช่วงนี้!

เรื่องที่ “ต้องทำ” ในช่วงนี้!

ทุกคนในโลกรวมทั้งทุกคนในไทยยังต้องอยู่ภายใต้หมอกเมฆของไวรัสโควิด 19 ไปอีกสักระยะจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่จุดสูงสุด

ถึงจะค่อยทรงตัวและเริ่มคลี่คลาย... แต่จะเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับความตระหนัก(ไม่ใช่ตระหนกจนขาดสติ) และความร่วมไม้ร่วมมือของทุกคนทุกฝ่ายในประเทศและทั่วโลก

ในส่วนของธุรกิจเรื่องแรกที่ จำเป็นต้องทำในวันนี้คือ..

1.อย่าเสียดายรายได้ที่ขาดหายไป!

ที่บอกว่า อย่าเสียดายรายได้ที่ขาดหายไปในช่วงนี้ เพราะแทบทุกที่ได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า! (แน่นอนครับ ในสภาวะวิกฤติแบบนี้ก็มีหลายธุรกิจเติบโตสวนกระแส ที่เคยเขียนถึงมาในตอนที่แล้วๆ ไม่ขอเขียนซ้ำ)

หลายๆ ธุรกิจปรับตัวไปเน้นไปเพิ่มทาง Online แก้ขัดไปก่อนก็ช่วยได้ในระดับนึง แน่นอนครับว่าคงไม่อาจชดเชยเทียบเท่ารายได้ที่เคยได้ในช่วงปกติที่ผ่านมา

ทำไมถึงบอกว่า “อย่าเสียดาย”!? เหตุผลก็เพราะ..

ถ้าท่านเสียดาย จนความเสียดาย“ยกระดับ”ไปเป็นความโลภ ความเขี้ยว ยังพยายามฝืนที่จะขายลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายของท่าน “มากเกินไป” นอกจากจะขายไม่ได้แล้ว ยังทำให้ลูกค้าของท่านเสียความรู้สึกจนอดนึกไม่ได้ว่า... บริษัทของท่านตายอดตายอยากมาจากไหน ไม่คิดอะไรเลยคิดแต่จะเอาเงิน เอาผลประโยชน์กับลูกค้าโดยไม่สนใจว่า ไวรัสกำลังคร่าชีวิตคนทั่วโลกไปทุกๆ วัน!

ถ้าสินค้าและบริการที่ท่านขาย เป็นสิ่งที่ลูกค้ามีความต้องการหรือมีความจำเป็นต้องใช้ และลูกค้าเป็นผู้ที่ติดต่อมาเองนั่นก็อีกเรื่อง...

แต่ถ้าสินค้าหรือบริการของธุรกิจท่าน ไม่ใช่เรื่องจำเป็นเร่งด่วน ที่ลูกค้าต้องกินต้องใช้ แต่ท่านยังพยายามที่จะติดต่อ ยัดเยียดขายมากเกินไป... ถ้าท่านเป็นลูกค้า ท่านจะรู้สึกยังไงล่ะครับ!?

2.ตั้งสติ แล้วจะไม่กลัวปัญหาและมองเห็นอะไรบางอย่างจากปัญญา.....

ตั้งแต่ระดับผู้นำสูงสุดขององค์กร จนไปถึงทุกระดับทุกคนในองค์กร เป็นโอกาสที่จะสื่อสารให้ทุกคน

รู้เท่าทันในสถานการณ์แต่ไม่ต้องตื่นตระหนก ให้ตระหนักและระมัดระวัง

หน่วยงานใด Work From Home ได้ก็ทำไปอย่างที่ได้ทำกันมาพักใหญ่แล้ว หน่วยงานใดที่จำเป็นต้องเข้ามาที่ทำงานหรือโรงงาน ก็จัดระบบการป้องกันไวรัสให้ละเอียดรอบคอบ

ถึงแม้จะไม่ได้มาเจอกัน แต่สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ด้วยเทคโนโลยี ด้วยไวไฟ ด้วยแอปต่างๆ ที่มีให้เลือกใช้ในช่วง Work From Home พยายามสื่อสารกันเป็นระยะ และย้ำให้ติดตามข่าวสารเพื่อให้รู้เท่าทันสถานการณ์ ไม่ใช่เสพข่าวร้ายจนจิตตก

เป็นโอกาสที่ผู้บริหารจะมองเห็น “คนที่ทัศนคติดีและสู้” ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไรก็ตาม!

ถ้าเป็นสภาวะปกติ พนักงานบางคนของบางหน่วยงานอาจไม่ได้มีความโดดเด่นอะไรมากนัก แต่ในสภาวะวิกฤติไวรัสในช่วงนี้ ท่านอาจได้เพชรเม็ดงามหลายๆคนจากหลายหน่วยงาน!

เช่น มีไอเดียหรือแนวคิดดีๆเสนอจากพนักงานบางคนบางหน่วยงาน ที่เสนอมาแล้วน่านำมาทดลองใช้หรือนำมาปรับใช้ให้เข้ากับสถานการณ์ในช่วงนี้!

หรือ ท่านจะเห็นพนักงานบางคน ที่อาจเป็นพนักงานระดับปฏิบัติการ หรือระดับจัดการ ที่ทุ่มเท เสียสละ แสดงสปิริต ช่วยเหลือ ทุ่มเท รับผิดชอบมากกว่าหน้าที่ในสถานการณ์แบบนี้!

3.ช่วยอะไรได้ให้รีบช่วยในช่วงนี้!

การช่วยที่ท่านควรทำอย่างยิ่ง (ในกรณีที่สถานะทางการเงินของบริษัทท่านยังดีหรือพอใช้ได้) ในช่วงนี้คือ ช่วยเหลือทีมงานทุกระดับในกรณีที่จำเป็นต้องหยุดงาน หรือในสภาวะที่จำเป็น นอกจากจะห้ามตัด ลดรายได้แล้ว ถ้าพนักงานเดือดร้อนท่านต้องช่วยเหลืออย่างเต็มที่ไม่ใช่ฉวยโอกาสลดค่าใช้จ่ายโดยการตัด ลด!

ช่วยเหลือคู่ค้าและลูกค้า ไม่ใช่ฉกฉวยแสดงความเขี้ยว เอารัดเอาเปรียบกับคู่ค้าโดยอ้างสถานการณ์ทั้งที่ท่านสามารถช่วยเหลือหรืออย่างน้อยทำธุรกรรมตามปกติได้! และไม่ใช่ฉกฉวยโอกาสที่จะแสดงความโลภจนลูกค้าสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตของท่าน!

สิ่งที่ควรทำอย่างยิ่งในช่วงนี้คือ..

แสดงให้เห็น สื่อสารให้ลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายของท่านรับรู้ว่าท่านมีความห่วงใย ใส่ใจในสถานการณ์นี้และห่วงใยในลูกค้า ถึงแม้จะไม่ได้ติดต่อซื้อขายกัน แต่ถ้าต้องการคำแนะนำหรือให้ช่วยเหลือในเรื่องใดที่ธุรกิจของท่านพอจะทำได้ ท่านยินดีแนะนำ ช่วยเหลือโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย!

คนที่คิดตื้นๆ จะพยายามหาเงินอย่างเดียว คนที่คิดไกลๆจะหาทางช่วยเหลือลูกค้าและผู้คน!

หลังวิกฤติผ่านพ้นไป.. ท่านและบริษัทของท่านจะได้รับการจดจำแบบใด ขึ้นอยู่กับสิ่งที่ท่านจะคิดจะทำ

ในช่วงนี้ครับ!