ไวรัสเปลี่ยนโลก…COVID-19
ตอนที่ดิฉันเขียนคอลัมน์นี้ เป็นวันแรกของการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่จะเพิ่มความเข้มข้นในการควบคุมวิกฤติไวรัส COVID-19 ในประเทศไทยอย่างเต็มที่
ไม่น่าเชื่อว่าไวรัสโคโรน่าจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคม และธุรกิจต่างๆ ในโลกได้มากขนาดนี้ เราต้องเตรียมรับมือกับเรื่องใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวันที่คาดไม่ถึง ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ที่สั่งสมมา อาจใช้ไม่ได้อีกต่อไป ต้องคิดใหม่ทำใหม่ตลอด ทัศนคติและวิธีการมองโลกจึงมีบทบาทสำคัญ
มีผู้กล่าวว่าโรคระบาดเกิดขึ้นในโลกเราทุกร้อยปี นับตั้งแต่กาฬโรค เมื่อปี 1720 อหิวาตกโรค ปี 1820 ไข้หวัดใหญ่ ปี 1920 และล่าสุด ไวรัสโคโรน่า 2020 ในทุกๆ ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นมนุษย์ได้เรียนรู้และพัฒนาตัวเองเพื่อความอยู่รอดสำหรับอนาคต
ต้องยอมรับว่า 10 กว่าปีที่ผ่านมา โลกเปลี่ยนแปลงเร็วมากด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ทำให้มนุษย์กลายเป็น individualism มากขึ้น โทรศัพท์มือถือมาพร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆ ไม่รวม applications ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย จนเราเป็นคนที่เร่งรีบ ไม่ชอบความยุ่งยาก ไม่ต้องการรออะไร ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาใคร จึงเกิด Generation “Me” พร้อมกับสินค้าและบริการที่ประดังเข้ามาทำให้เราติดกับดักมันง่ายๆ
วิกฤติไวรัสครั้งนี้เหมือนกับธรรมชาติส่งมาเพื่อช่วยจัดระเบียบโลก มา Reset พวกเราใหม่ ให้เปลี่ยนวิถีการดำรงชีวิตในระดับบุคคลและมุมมองในการทำธุรกิจ ที่ต้องพึ่งพากันมากกว่าการที่จะเก่งอยู่คนเดียว
การที่ต้องอยู่บ้านเพื่อหยุดโรค กลับทำให้เราได้ใช้ชีวิต slow life มากขึ้น มีเวลาอยู่ใกล้ชิดกับครอบครัว สังเกตคนรอบข้าง ทำอาหารทานกันเอง ทำสวนเพื่อออกกำลังกาย ได้เห็นนก กระรอก ที่มาหากินในสวนของเรา ได้ทักทายและแบ่งปันอาหารกับเพื่อนบ้าน ช่วยเหลือเพื่อนบ้านที่สูงอายุ ได้ทำอะไรหลายๆ อย่างที่เราไม่ค่อยมีโอกาสจะได้ทำในภาวะเร่งรีบ
ในอิตาลี ประเทศที่กำลังเดือดร้อนอย่างหนักจากโรคระบาด ผู้คนถูกกักตัวให้อยู่ในบ้าน แต่ด้วยความที่เป็นเมืองแห่งเสียงดนตรี ทำให้เพื่อนบ้านชมการแสดงริมระเบียงห้อง balcony-singing flash mobs แบบคุณภาพคับแก้วเหมือนนั่งชมอยู่ในโรงละครโอเปร่า และยังสามารถมีส่วนร่วมกับการแสดงนี้ได้ ด้วยการนำถ้วย ชาม หรือวัสดุใดๆ ก็ได้ที่ให้จังหวะ มาร่วมสร้างเสียงดนตรีไปได้ตลอดการแสดง นานขนาดไหนแล้วที่เราไม่ได้เห็นการใช้ชีวิตแบ่งปัน สนุกสนานร่วมกันกับเพื่อนบ้าน ในสังคมที่เร่งรีบอย่างปัจจุบัน
ดิฉันเห็นว่าการทำธุรกิจด้วยการคิดถึงสังคมและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ อาจจะเป็นหนทางรอดของทุกคนทั่วโลกและช่วยให้ธุรกิจยั่งยืน เพราะความใส่ใจในการดูแลลูกค้าและผู้ด้อยโอกาส เช่น ห้าง Woolworths ในออสเตรเลีย หรือห้างเล็กๆ ในแคลิฟอร์เนีย เปิดซูเปอร์มาร์เก็ตยามเช้าขึ้นเพื่อเปิดเป็นช่วงเวลาสำหรับผู้สูงอายุและคนพิการมาช้อปปิ้งโดยไม่ต้องไปเบียดเสียดแย่งซื้อสินค้ารวมกับลูกค้าคนอื่นๆ เป็นต้น “มันช่างเป็นอะไรที่น่ารักและน่าชื่นชมมาก”
สำหรับคนทำงาน ดิฉันมองว่าถึงเวลาแล้วที่เราต้องมี Reflection ทบทวนตัวเองวิถีการใช้ชีวิต เรียนรู้จากข้อผิดพลาด จัดสรรเวลาให้มีประสิทธิภาพ โดยไม่ละทิ้งครอบครัว สร้างสรรค์ พัฒนาทักษะใหม่ๆ ทำงานที่ไหนก็ได้ เรื่องไหนก็ได้ที่ได้รับมอบหมาย มีความยืดหยุ่น (Agile) พร้อมใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือขับเคลื่อนการทำงานและการเรียนรู้ เตรียมตัวเป็น Digital Citizen กันซะที
วิกฤติไวรัสครั้งนี้อาจจะเร่งให้เราเข้าสู่สังคม Digital ได้อย่างสมบูรณ์ ตั้งแต่ทักษะการใช้ smart phone สั่งสินค้า อาหาร ออนไลน์ จ่ายเงิน ด้วย QR Payment, PromptPay หรือ e-Wallet ทำธุรกรรมการเงินผ่าน Online Banking โดยไม่ต้องไปธนาคาร หลีกเลี่ยงการหยิบจับธนบัตร ป้องกันการติดโรค
Work from Home… สื่อสารด้วยเครื่องมือ email, chat, วางแผนบน Calendar planner กำหนดแผนงาน To do list พร้อมกำหนดเป้าหมายกับหัวหน้างาน ประชุม Video Conference แชร์ slides และ update ความคืบหน้าด้วยไฟล์งานที่เก็บไว้บนระบบ cloud เพื่อที่เพื่อนๆ จะใช้งานได้พร้อมๆ กัน การที่เราไม่ต้องเดินทางไปทำงานช่วยประหยัดเวลา ทำให้เราสามารถใช้เวลานี้สำหรับการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ได้
ที่ SCB เราได้จัดให้พนักงานที่ไม่อยู่ในกลุ่มสาขา หรือ Call Center หรือ Critical Functions ทำงานที่บ้าน Work from Home โดยทยอยทดสอบเป็นสัดส่วนจนสามารถดำเนินการได้เต็มรูปแบบในวันที่ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยธนาคารให้ความสำคัญกับระบบ security เมื่อต้องทำงานนอกสถานที่ แจกคู่มือการใช้งานบนระบบด้วย devices ต่างๆ สนับสนุนการเรียนรู้แบบ Virtual Learning จัดโดย SCB Academy ด้วยหลักสูตรเตรียมความพร้อมสำหรับโลกสมัยใหม่อย่าง Agile, Data Analytics, Digital Marketing, UX/UI, Line Developer 101 เป็นต้น เรายังสนับสนุนให้พนักงานสร้าง VDO แชร์ความรู้ในทักษะต่างๆที่ตนถนัดผ่านระบบ Learning ให้พนักงานคนอื่นได้เรียนรู้
วิกฤติไวรัส COVID 19 กระทบต่อพวกเราทุกคน แต่ก็เป็นโอกาสให้เราแข็งแกร่งขึ้น ใส่ใจดูแลตนเองมากขึ้น รู้จักปรับตัวให้ว่องไวทันสถานการณ์ มองเห็นโอกาสในการทำธุรกิจใหม่ๆ ยอมรับการเปลี่ยนแปลงอย่างเท่าทันและเข้าใจโลกธรรม ดิฉันชอบคำกล่าวของกวีนิรนามคนนี้ที่ช่วยให้เราพร้อมที่จะฝ่าวิกฤติไปบนโลกในทศวรรษนี้อย่างมีพลัง
“It’s not an ending. It’s just the point in the story where you turn the page.”