จับตาสงครามการค้ารอบใหม่ แรงกดดันภาคส่งออก-เศรษฐกิจโลก
การส่งออกของไทยขยายตัวเป็นบวกต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อ คือเดือน มี.ค.ขยายตัว 4.17 % และเดือนเม.ย.ขยายตัว 2.12 % แม้ว่าโควิด-19 จะระบาด
ใน 2 เดือนที่ผ่านมาการส่งออกของไทยได้อานิสงค์จากผลกระทบจากสงครามการค้าที่ลดลง ส่งผลให้ยอดการส่งออกสินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้น การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรขยายตัว ตามความต้องการสินค้าอาหารของตลาดโลกที่ประชาชนกักตัวอยู่บ้านมากขึ้นตามมาตรการล็อกดาวน์ ปค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง ส่งผลให้สินค้าไทยแข่งขันได้มากขึ้น
แม้ว่าการส่งออกของไทยจะเป็นบวก แต่ยังวางใจไม่ได้ เพราะสถานการณ์การค้าโลกและโควิด-19 ยังมีความไม่แน่นอนในช่วงครึ่งปีหลัง เพราะยังมีปัจจัยลบที่จะกระตุกการส่งออกของไทย ซึ่งสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) มองว่า ภาพรวมการส่งออกในไตรมาส 2 คาดว่าจะอยู่ในแดนติดลบ เนื่องจากยังต้องเผชิญกับอุปสรรคด้านการขนส่งที่ยังติดขัด จากมาตรการล็อกดาวน์ แม้ว่าบางประเทศจะเริ่มผ่อนคลายมาตรการแล้วก็ตาม คาดว่าการส่งออกทั้งปีของไทยก็ยังอยู่ในสถานะทรงตัวหรือไม่ก็ติดลบไม่เกิน 0.5%
สิ่งที่สร้างความกังวลมากนอกเหนือจากโควิด-19 คือ การปะทุของสงครามการค้ารอบ 2 ซึ่งทั่วโลกกำลังจับตาอยู่อย่างใกล้ชิด หลังจากที่สหรัฐขู่อาจยกเลิกข้อตกลงเศรษฐกิจการค้าระยะแรกกับจีน หากจีนไม่ทำตามข้อตกลงการซื้อสินค้าและบริการจากสหรัฐเพิ่มอีกราว 2 แสน 5 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงสองปีนี้อีกทั้งกล่าวหาจีนที่เป็นต้นตอของการระบาดโควิด-19 ที่สร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจโลกอย่างกว้างขวาง
นอกจากนี้การที่จีนใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติในฮ่องกง เพื่อควบคุมฮ่องกงไม่ให้แตกแถว โดยกฎหมายดังกล่าวมีเนื้อหาควบคุมความเคลื่อนไหวทางการเมืองฮ่องกง ห้ามต่างชาติเข้ามาแทรกแซง รวมทั้งการเปิดทางให้รัฐบาลปักกิ่งสามารถตั้งหน่วยงานความมั่นคงแห่งชาติได้ในฮ่องกง ทำให้เกิดการประท้วงครั้งใหม่
ตอกย้ำด้วยท่าทีของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะออกมาในรูปแบบใด ประกอบกับปลายปีนี้สหรัฐจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดี ซึ่งทรัมป์อาจออกนโยบายหรือมาตรการด้านเศรษฐกิจกับจีนเพิ่มเติมขึ้นอีก เพื่อใช้เป็นประเด็นในการหาเสียงเลือกตั้ง ก็ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีนยิ่งเลวร้ายลงไปอีก
ด้านภาครัฐและเอกชนไทย แสดงความกังวลต่อสถานการณ์การค้าไทย พร้อมกับเตรียมแผนรับมือ อย่างไรก็ตามยังเชื่อมั่นว่า ไทยมีโอกาสที่จะพลิกวิกฤตเป็นโอกาสจากการส่งออกสินค้าไปทดแทน 2 ประเทศอีกทั้งไทยอยู่ในภูมิศาสตร์ที่ดีในภูมิภาคนี้โอกาสที่นักลงทุนต่างชาติจะย้ายฐานการผลิตมาไทยก็มีโอกาสสูงและจะดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางของซับพลายเชนในภูมิภาคนี้
ชนวนความขัดแย้งระหว่างมหาอำนาจของโลก 2 ชาติ ที่เกิดขึ้นครั้งใหม่ ได้ส่งคลื่นแห่งความสั่นคลอนไปยังเศรษฐกิจโลกที่ยังเปราะบางจากผลกระทบของการระบาดโควิด-19 ไปแล้ว หากสหรัฐและจีนเปิดศึกสงครามการค้ารอบใหม่จริงก็ยิ่งซ้ำเติมบรรยากาศเศรษฐกิจที่ทรุดลงไปอีก แน่นอนว่า ทุกประเทศทั่วโลกไม่เว้นแม้กระทั่งไทย ย่อมได้รับผลกระทบกันหมด
....ความหวังที่เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยจะฟื้นกลับมาก็คงจะ "เลือนราง”ออกไป