อสมท แดนสนธยา ที่ต้องตรวจสอบ
ปฏิบัติการของ เขมทัตต์ พลเดช กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด มหาชน หรือ mcot ที่ถูกตั้งข้อสงสัย
ทั้งเรื่องการแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูง และการอ้างอำนาจเป็นตัวแทนองค์กร ทำหนังสือถึงกรรมการ กสทช. ให้แบ่งเงินเยียวยา จำนวน 3.2 พันล้านให้เอกชนครึ่งหนึ่ง โดยไม่ผ่านมติคณะกรรมการอย่างถูกต้อง โปร่งใส เป็นเรื่องที่ สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ ได้หยิบเป็นประเด็นร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จนนายกรัฐมนตรี มีคำสั่งให้ตรวจสอบเมื่อ 5 มิถุนายนที่ผ่านมา
แต่ทั้ง อสมท และ กสทช. ยังกล้า สมคบกัน แบ่งผลประโยชน์ของรัฐให้เอกชน ที่มีข้อกังขาว่า ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
อสมท มีสองสถานะ หนึ่ง สถานะบริษัทมหาชน ที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายมหาชน ที่การรับมอบอำนาจกระทำการใด ๆ ที่นอกอำนาจตน ต้องได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัทเท่านั้น มิใช่การมอบอำนาจจากแค่ประธานบริษัท ดังที่นายเขมทัตต์ กล่าวอ้าง
เพราะการมอบอำนาจจากประธานบริษัท ตามหนังสือที่นายเขมทัตต์ กล่าวอ้างในหนังสือถึง กสทช. ลงวันที่ 4 มิ.ย.2563 ถือเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่มีผลผูกพันต่อบริษัท
การกระทำเช่นนี้ ผู้ถือหุ้นทุกคนสามารถร้องให้สำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รวมทั้งตลาดหลักทรัพย์ (ตลท.) สอบสวนความผิดทางกฎหมายได้
สถานะที่สอง อสมท ยังถือเป็นองค์กรของรัฐ (รัฐวิสาหกิจ) ที่มีกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ถึงร้อยละ 65.80 จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ป.ป.ช. และกฎหมายอื่นๆ ของรัฐ การปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของประธานกรรมการ คณะกรรมการ หรือผู้บริหาร รวมทั้งพนักงานที่ส่อ “ว่ามิชอบ” ย่อมเข้าเกณฑ์กฎหมาย ป.ป.ช. ดังกรณีของ สรยุทธ สุทัศนะจินดา ที่ถูกศาลตัดสินจำคุกมาแล้ว
ดังนั้น การกระทำการที่ถูกตั้งข้อกังขาว่าไม่โปร่งใสครั้งนี้ ผู้ที่เกี่ยวข้อง และคิดว่าไม่มีส่วนรู้เห็นในการกระทำ โดยเฉพาะกรรมการทั้งหลาย ควรไปร้องต่อหน่วยงานทั้ง 3 คือ ป.ป.ช.-ก.ล.ต.-ตลท. เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ และให้องค์กรที่กำกับดูแลตามกฎหมาย ได้ตรวจสอบ เพราะ อสมท เป็นองค์กร “แดนสนธยา” มาช้านาน ควรจะสังคายนา และอย่าปล่อยให้คนที่กำลังพ้นตำแหน่ง เดินออก “อย่างลอยนวล”
แม้ว่าจะซุบซิบกันว่า ผู้บงการเบื้องหลัง นามว่า “พ” จะโยงใย กับผู้มากบารมี ที่กำลังดันตัวเองให้ใหญ่ขึ้นในรัฐบาลนี้ แต่หากกระทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง มากบารมีอย่างไร เราอย่าไป “ก้มหัวให้”
ไหนๆ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สั่งให้ตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว ขอให้ทำอย่างจริงจัง อย่าไปเกรงใจ “เพื่อนพ้องน้องพี่” ที่เข้ามาพัวพัน กับการหาประโยชน์ใน อสมท ก็แล้วกัน!