คำถามที่ ‘คนทั้งประเทศ’ อยากได้คำตอบ....
Part 1. คำถามของคนทุกกลุ่ม
คำถามที่เจ้าของธุรกิจ/ผู้บริหาร/พนักงานประจำ/พ่อค้าแม่ค้ารายย่อยและประชนทั่วไป ที่มีคำถาม“ในใจคล้ายๆกัน”
ในสถานการณ์ปัจจุบันที่อยากจะถามดังๆ ก็คือ...
คำถามแรก...
โควิด19 จะระบาดรอบสองในประเทศหรือไม่? ถ้าระบาดจะทำอย่างไร?
เหตุผลที่แทบทุกคนยังมีคำถามนี้ เพราะสถานการณ์การระบาดของทั่วโลก โดยเฉพาะที่สหรัฐอเมริกา
และอีกหลายๆ ประเทศยังไม่มีแนวโน้มจะลดลง มีแต่ทำสถิติรายวันเพิ่มขึ้นทุกวัน
สถานการณ์ของต่างประเทศยังระบาดไม่ลดลง ย่อมทำให้คนในประเทศไทยกังวล ถึงแม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อในประเทศไทยเป็นเลขศูนย์มาเดือนกว่า แต่ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่นำเข้ายังมีทุกวัน..
ถ้าวันใดวันหนึ่งภาครัฐ “พลาด” แบบเหตุการณ์ที่ จ.ระยอง หรือ แรงงานต่างด้าวและผู้ลักลอบและที่เข้าประเทศตามแนวชายแดนกัมพูชายังคงลักลอบเข้ามาทุกวัน ถึงแม้เจ้าหน้าที่จะพยายามป้องกันเต็มที่ จับได้บ้างไม่ได้บ้างในแต่ละวัน ก็เลยเป็นเรื่องที่น่ากังวลเช่นกัน
หรือเหตุการณ์ที่ “อภิสิทธิ์ชน” บางส่วนจากต่างประเทศ อาจเข้ามาโดยหลีกเลี่ยงการกักตัวและเจ้าหน้าที่ของรัฐเกรงใจหรือรู้เห็นเป็นใจ...อะไรจะเกิดขึ้น!?
คงไม่มีใครกล้าการันตีว่า การระบาดรอบสองจะไม่เกิดขึ้นในประเทศ...
สิ่งที่คนทั้งประเทศอยากได้คำตอบคือ....“ความมุ่งมั่นของรัฐบาล” ที่จะป้องกันไม่ให้เกิด แต่ถ้าเกิดขึ้นจริง...ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่อาจจะเกิด (และไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น) รัฐบาลและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะพยายามควบคุม จำกัดความเสียหายให้เกิดผลกระทบกับสุขภาพและการใช้ชีวิต การทำมาหากินที่ยากลำบากของทุกคนให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
นั่นคือคำตอบ ที่รัฐบาลควรเตรียมการและสร้างความมั่นใจให้กับคนทั้งประเทศให้มากที่สุด
Part 2. คำถามที่สอง...
จากคำถามแรกที่เป็นเรื่องของสถานการณ์ไวรัสโควิด19 มาสู่คำถามที่สอง ที่ต่อให้คนจำนวนไม่น้อย เบื่อและไม่อยากข้องเกี่ยวกับเรื่องการเมือง... แต่เรื่องการเมืองส่งผลกับทุกคนในประเทศครับ!
คำถามที่สอง..ปรับ ครม.แล้ว... จะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ และ เศรษฐกิจของคนในประเทศดีขึ้น หรือทรงๆเหมือนเดิมหรือแย่ลง?
ในโลกแห่งความเป็นจริง การเป็นรัฐบาลผสมเป็นเรื่องไม่ง่ายที่จะบริหารจัดการทั้งคนในพรรคของตนเองและบรรดาพรรคร่วมรัฐบาล ถึงแม้นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้นำรัฐบาล จะมีความตั้งใจจริง มีเจตนาดีที่จะนำพาชาติบ้านเมืองให้พ้นวิกฤติรอบด้าน ให้ทุกคนอยู่ดีกินดี
แต่ก็เป็นที่รับรู้กันอยู่ จะมีคนบางกลุ่มที่ชังชาติ กลุ่มต่อต้านรัฐบาล คอยเป็นอุปสรรค จ้องจะล้มรัฐบาลทุกวิถีทาง ม็อบต่างๆ เริ่มทยอยออกมาตามสูตรเดิมๆ
ในทางการเมือง กลุ่มเหล่านี้ยังไม่น่าเป็นห่วงเท่าบางกลุ่ม..ที่อยู่ในรัฐบาล!
เพราะกลุ่มที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดคือ บรรดาส.ส.ทั้งของพรรครัฐบาลและพรรคร่วม... อาจกลายเป็นสาเหตุที่รัฐบาลอาจไปไม่รอดได้!
หวังว่า ภาวะผู้นำ ความตั้งใจดีของนายกรัฐมนตรี จะใช้การปรับ ครม. ครั้งนี้ ให้คน “ยี้” น้อยที่สุด ปรับแล้วให้คนยอมรับ ครม.มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อให้ประชาชนทุกระดับเชื่อมั่นมากที่สุด
ส่วนการรับมือกับบรรดา กลุ่มก๊วน ส.ส.เขี้ยวลากดิน ที่หิวกระหายตำแหน่งและจ้องแต่จะกอบโกยผลประโยชน์เข้าพวกพ้อง ก็เป็นหน้าที่ของนายก ในฐานะผู้นำที่จะต้อง “เอาอยู่” ให้ได้!
ถ้านายกรัฐมนตรี เอาจริง ไม่ยอมอ่อนตามบรรดา “นักการเมืองอาชีพ” ในพรรค ก็จะได้รับการสนับสนุน ได้รับความร่วมมือกับประชาชนในทุกเรื่อง แต่ถ้าตรงกันข้าม... ก็ต้องทำใจกันทั้งประเทศครับ
Part 3.คำถามที่สาม...
คำถามนี้...เป็นคำถามสุดท้ายสำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน และเป็นคำถามที่อยากให้คนทุกภาคส่วนของประเทศ ถามตัวเองบ้างครับ!
“เรา... จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ประเทศผ่านพ้นวิกฤติ หรือ เรา... จะกลายเป็นผู้ซ้ำเติมวิกฤติให้กับประเทศ!?”
ถ้าพิจารณาคำถามสุดท้ายนี้อย่างละเอียด ไม่อคติ ไม่ว่าท่านจะอยู่ฝ่าย ชัง หรือ ฝ่ายชอบ หรือฝ่ายเฉยๆกับรัฐบาล ถ้ารัฐบาลบริหารผิดพลาดหรือทำแต่สิ่งที่ไม่ดีให้เกิดขึ้นกับประเทศ เมื่อถึงเวลาอันสมควรรัฐบาลก็จะอยู่ไม่ได้เองแหละครับ แต่ถ้ารัฐบาลพยายามแก้ปัญหา นำพาชาติให้พ้นวิกฤติ แล้วทำไมเราต้องคอยจ้องแต่ซ้ำเติม ทำลาย ไปจนถึงพยายามทุกวิถีทางให้ประเทศวิกฤติมากยิ่งขึ้น?
เราๆท่านๆ ไม่ว่าจะอยู่ภาคส่วนใด ทำอาชีพอะไร อยู่ระดับไหนในสังคม ถ้าทุกคนทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด อะไรที่เห็นว่ารัฐบาลไม่ถูกต้อง ก็ชี้แนะให้แก้ไข อะไรที่เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ ก็ให้ความร่วมมือ น่าจะเป็นทางออกทางรอดของทุกคนในประเทศไม่ใช่หรือ?
ไม่ต้องทำตัวโลกสวย และไม่ต้องตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มใดฝ่ายใด แต่ทำหน้าที่ในวิชาชีพที่แต่ละคนทำให้ดีที่สุด หยุดหมกมุ่นกับการเมืองแบบใช้อารมณ์ สุดท้ายแล้ว นอกจากประโยชน์จะเกิดกับประเทศจนผ่านวิกฤติไปได้ด้วยดีแล้ว สุขภาพจิตของท่านจะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดครับ!