ทำไมผู้นำยุค New Normal ต้องนำจาก “Inside Out”?
หลายเดือนที่ผ่านมาที่เราต้องจัดการกับปัญหาและความท้าทายต่าง ๆ มากมาย ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากโควิด-19 จนทำให้ดิฉันอดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามว่า..
-เพราะเหตุใดคนเราแต่ละคนจึงตอบสนองต่อเหตุการณ์เดียวกันนี้แตกต่างกัน?
-อะไรคือคำจำกัดความของความเป็นผู้นำ?
-ใครคือผู้นำที่แท้จริง?
-อะไรคือความแตกต่างระหว่างผู้นำชั้นเลิศ (Great Leader) กับผู้นำทั่วไป?
- พลังอำนาจของผู้นำนั้นมาจากไหน?
จากที่ได้สัมผัสพูดคุยกับผู้นำหลายท่าน ทำให้ดิฉันได้ค้นพบสิ่งหนึ่งที่เป็นคุณสมบัติร่วมกันของผู้นำชั้นเลิศ นั่นคือการเป็นผู้นำจากภายใน (Inside-out) ซี่งถูกบรรจงสร้างขึ้นมาจากพื้นฐานที่แข็งแกร่งจากข้างใน ที่ทำให้เกิดความมั่นใจ ความมั่นคง และพลังงานที่ทำให้สามารถจัดการกับความยากลำบาก และความไม่แน่นอนต่าง ๆได้ โดยการปลดปล่อย “ศักยภาพของมนุษย์” ที่ติดตัวเรามาตั้งแต่กำเนิดทั้งสี่ด้าน ดังนี้คือ
1.Mind: Vision to See the Unseen
ผู้นำชั้นเลิศ (Great Leader) มักจะมีวิสัยทัศน์และสายตาที่มองเห็นในสิ่งที่คนทั่วไปมองไม่เห็น สามารถมองได้ไกล มองได้ลึก มองเห็นความต้องการ โอกาส ทางออก สามารถมองเห็นจุดเชื่อมโยงของสิ่งต่าง ๆ (Connect the Dots) มีความคิดเชิงเติบโต (Growth Mindset) มีใจที่เปิดรับและความกระหายใคร่เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ และเป็นนักเรียนรู้ตลอดชีวิต คุณสมบัติเหล่านี้มาจากภูมิปัญญา ความรู้ ประสบการณ์ที่ได้สั่งสมมาของผู้นำแต่ละท่าน
2.Body: Discipline to Live a Healthy Life
ผู้นำชั้นเลิศที่ดิฉันพบเห็นทุกคนมักจะมีวินัยที่สูงมากกว่าคนปกติทั่วไป เริ่มจากสิ่งเล็กๆคือการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อสร้างสุขภาพและภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงให้กับตัวเอง มีวินัยที่สูงมากนี่คือสิ่งที่บ่งบอกว่าทำไมท่านถึงประสบความสำเร็จในชีวิตและขึ้นมาเป็นผู้นำคนอื่นได้ ยิ่งในโลกวันนี้ที่เส้นแบ่งระหว่างการทำงานและชีวิตส่วนตัวเจือจางจนแทบจะมองไม่เห็น คนที่มีวินัยสูงจะสามารถบริหารจัดการชีวิตและแบ่งเวลาตัวเองได้ดี ให้มีความสมดุลลงตัว และสามารถพัฒนาตัวเองได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่โลกหมุนไปอย่างรวดเร็วไม่รอใคร
นอกจากมีวินัยสูงแล้ว ผู้นำชั้นเลิศยังมีความมุมานะ อดทน ไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ ต่ออุปสรรคและความยากลำบาก ลงทุนในการพัฒนาทักษะใหม่ ๆ เพื่อปรับตัวให้ทันการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
3.Heart: Passion to Love and Care for Others
อีกสิ่งที่ทำให้มนุษย์แตกต่างจากหุ่นยนต์คือหัวใจ และความรู้สึกแคร์คนรอบข้างและคนอื่นๆ เรามีความรักในอาชีพ รักในบทบาทหน้าที่ของเรา และมีแพชชั่นกับสิ่งที่เรารับผิดชอบ
ซึ่งในวันนี้ในฐานะผู้นำ มันอาจจะไม่มีใครมาคอยบอกหรือสั่งเราว่าเราจะต้องทำอะไรในแต่ละวัน ถ้าเราไม่มีแพชชั่นกับสิ่งที่เรารับผิดชอบ เราจะไม่มีพลังในการทำงาน ยิ่งทุกวันนี้ที่เราตื่นขึ้นมาได้เจอได้ยินแต่ข่าวลบๆ เราจะสร้างพลังบวกได้จากการดึงแพชชั่นจากภายในเราเท่านั้น
นอกจากนี้ผู้นำที่แคร์และใส่ใจกับทีมงานและคนรอบข้างอย่างแท้จริง จะได้รับความเชื่อมั่นศรัทธาและมีแต้มต่อในการขับเคลื่อนองค์กรให้รุดหน้า ฝ่าวิกฤตไปได้อย่างแน่นอน
เพราะก่อนที่เราจะจุดประกายแรงบันดาลใจให้กับใครได้ ตัวเราเองจะต้องมีแพชชั่นก่อนเป็นลำดับแรก
4.Spirit: Conscience to Make Contributions
มนุษย์มีจิตวิญญาณที่ทำให้รู้สึกผิดชอบ ชั่วดี ว่าอะไรควรหรือไม่ควรทำ เรารู้ว่าสิ่งไหนทำให้เรามีความสงบในจิตใจ สิ่งไหนทำให้เราภูมิใจในความเป็นมนุษย์ แล้วเราจะมอบของขวัญหรือ Legacy ให้กับองค์กร คนข้างๆ หรือโลกใบนี้ของเราได้อย่างไร
ถึงเวลาเปิด “กล่องของขวัญ”
มนุษย์ทุกคนมีศักยภาพที่ซ่อนเร้นนี้เปรียบเสมือนเป็น “กล่องของขวัญ” สี่กล่องที่ซ่อนอยู่ในตัวเราตั้งแต่เกิด น่าเสียดายที่ว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะมองเห็นและรู้วิธีที่จะปลดปล่อยศักยภาพเหล่านี้ออกมาใช้ให้เป็นประโยชน์
ขณะที่เรากำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายจากคลื่นการปฏิวัติทางเทคโนโลยีที่กำลังส่งผลกระทบทั้งในด้านบวกและลบต่อชีวิตมนุษย์ รวมทั้งเข้ามาแข่งขันแย่งงานและอาชีพจากมนุษย์ ทำให้เกิดคำถามขึ้นมาว่าเราจะแข่งกับหุ่นยนต์และเทคโนโลยีได้อย่างไร? และอะไรคือจุดแข็งของความเป็นมนุษย์?
คำตอบของดิฉันคือ ของขวัญอันล้ำค่าที่ติดตัวพวกเราทั้งสี่กล่องนี้เองที่จะช่วยให้มนุษย์สามารถแข่งขันกับหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) ได้
ผู้นำที่จะประสบความสำเร็จในยุคแห่งความวุ่นวายโกลาหลนี้จะต้องสามารถดึงพลังจาก Inside out ซึ่งหมายถึงการปลดปล่อยศักยภาพความเป็นมนุษย์ โดยใช้จุดแข็งของความเป็นมนุษย์ที่หุ่นยนต์ หรือ AI ไม่สามารถจะทำได้ใน 4มิตินี้ เพราะการเป็นผู้นำชั้นเลิศต้องเริ่มจากการนำตัวเองให้ได้ดีก่อนที่จะไปนำทีมงาน และนำองค์กรให้ประสบความสำเร็จ
ยิ่งโลกนี้มีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วมากเท่าไหร่ เทคโนโลยีมีความรุดหน้าไปมากเท่าไหร่ มนุษย์ยิ่งต้องดึงจุดแข็งของความเป็นมนุษย์จากข้างใน เพื่อให้เราสามารถมีความยืดหยุ่น ว่องไว (Agile) และสามารถรับมือได้กับความไม่แน่นอน และความท้าท้ายใหม่ ๆ ได้อย่างมั่นคง
----------------------
พรทิพย์ อัยยิมาพันธ์ คือผู้ก่อตั้งและประธานบริหารกลุ่มบริษัทแพคริม
*ส่วนหนึ่งของเนื้อหามาจากหลักสูตร “Leadership Greatness” โดย แพคริม “Trusted Partner to Accelerate Transformation and Performance Improvement”