วิกฤตคือโอกาส ทบทวน “Purpose” และ “Reset” วัฒนธรรมองค์กร
ในยามวิกฤตเรามักจะมีเรื่องต้องทำ หรือปัญหาให้แก้ไข มากมายเต็มไปหมด จนเราอาจจะรู้สึกสับสน กังวล วุ่นวายใจ และต้องการความชัดเจนหรือจุดมุ่งหมาย
ดังนั้นบทบาทที่สำคัญอันหนึ่งในห้วงเวลานี้ของผู้นำคือการชี้ทิศทางให้กับทีมงานทราบว่า เรากำลังจะมุ่งหน้าไปที่ไหน อะไรคือเหตุผลในการเลือกเส้นทางนี้ อะไรคือภาพในอนาคตที่เราจะไปถึง ทำอย่างไรเราจึงจะสามารถไปถึงวิสัยทัศน์ของเรา และเพื่อให้สามารถสื่อสารได้อย่างชัดเจนและเกิดแรงบันดาลใจ ผู้นำจำเป็นที่จะต้องกลับมาทบทวนจุดมุ่งหมาย (Purpose) หรือมิชชั่นขององค์กรพร้อมกันไปด้วย
ความชัดเจนตรงนี้ นอกจากจะช่วยจัดลำดับความสำคัญ และจัดสรรทรัพยากรที่มีอย่างจำกัดแล้ว ยังมีความสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างขวัญและความเชื่อมั่นให้กับทีมงานที่จะต้องออกไปเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่มีความอึมครึม ไม่แน่นอนในตลาด จุดมุ่งหมายและทิศทางที่ชัดเจนเปรียบเสมือนดาวเหนือ (หรือ GPS) ที่ทำให้เรามีความอุ่นใจว่า แม้เราอาจจะกำลังหลงทางอยู่ในป่าใหญ่ แต่ในที่สุดแล้วเราก็จะสามารถออกมาได้ หากเรามุ่งหน้าไปตามทิศทางหรือแสงสว่างของดวงดาวที่ผู้นำเป็นผู้ชี้ทางให้
เรื่องของ Purpose-driven Organization หรือองค์กรที่ขับเคลื่อนโดยจุดมุ่งหมาย เป็นหัวข้อสำคัญที่มีการพูดถึงอย่างกว้างขวางมาหลายปีแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่หลายองค์กรต้องกลับมามองในเรื่องของความยั่งยืนและการช่วยเหลือสังคม ผู้นำจำเป็นต้องทบทวน โมเดลธุรกิจ เป้าประสงค์ หรือเหตุผลในการดำรงอยู่ของธุรกิจ หลายองค์กรเริ่มตระหนักว่าการมุ่งที่ Purpose เป็นแนวทางที่ทำให้องค์กร หรือแบรนด์สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน เพราะการที่จะสามารถขึ้นเป็นผู้นำและชนะใจลูกค้าได้ ไม่ได้วัดกันแค่ยอดขายหรือผลกำไรปีต่อปี แต่หัวใจของการดำเนินธุรกิจทุกวันนี้คือการมีส่วนร่วมในการ
สร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับโลกใบนี้ หรือการขับเคลื่อนองค์กรและแบรนด์ ด้วยการกำหนดเป้าหมาย หรือเป้าประสงค์ชัดเจนว่า องค์กร และแบรนด์นั้นๆ มีความหมายกับลูกค้า สังคม หรือต่อโลกอย่างไร สร้างประโยชน์ให้กับผู้บริโภคด้านไหน หรือสร้างแรงบันดาลใจให้กับคน และสังคมอย่างไร โดยมีตัวอย่างที่ดีในด้านต่าง ๆ จากองค์กรในประเทศไทย ที่ดิฉันอยากแบ่งปันให้ผู้อ่านคอลัมน์ Tips to Top ดังต่อไปนี้
ธนาคารไทยพาณิชย์เป็นตัวอย่างหนึ่งขององค์กรในการนำเอา “Sense of Purpose” เข้ามาสร้างเป็นวัฒนธรรมองค์กรที่ช่วยไดรฟ์การทำงานของพนักงานทุกคนไปสู่จุดมุ่งหมายเดียวกันคือการเป็น “The Most Admired Bank” หรือการเป็นธนาคารที่ลูกค้ารัก ด้วยการนำเสนอ “ประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า”
หรือกลุ่มบริษัท 3C Group ผู้ให้บริการ ingredients และผู้พัฒนาสูตรอาหารเสริมชั้นนำที่ได้นำเอา Trust Score ของลูกค้า และ key stakeholders มาเป็นตัวชี้วัดสำคัญแทนการตั้งเป้าตัวเลขยอดขาย หรือกำไร ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา แต่กลับทำให้ยอดขายเติบโตพุ่งพรวดสวนกระแสพิษเศรษฐกิจ และโควิด-19
รวมทั้ง SCG ซึ่งนอกจากทิศทางและเป้าหมายด้านธุรกิจจะมีความชัดเจนมากๆ คือการมุ่งเติบโตในอาเซียน และการพัฒนาด้านนวัตกรรมแล้ว การสร้าง Sense of Purpose ด้านบทบาทเชิงสร้างสรรค์ต่อสังคมส่วนรวมก็มีความชัดเจน และ เป็นแบบ อย่างที่ดีมาก ๆ ในทุกวิกฤตที่สังคมไทยเผชิญ รวมทั้งในวิกฤตโควิดนี้ที่ดิฉันเห็นข่าว มูลนิธิเอสซีจีร่วมบริจาคสมทบทุนในการวิจัยและพัฒนาวัคซีนโควิดภายในประเทศเป็นเงินถึง 100 ล้านบาท ที่ดิฉันเชื่อว่าพนักงาน SCG หลายๆ คนที่ทราบเรื่องนี้ก็คงจะมีความภาคภูมิใจที่เป็นคน SCG และมีส่วนร่วมในการช่วยแก้ไขปัญหาให้กับประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านให้สามารถเข้าถึงวัคซีนโควิดได้อย่างเท่าเทียมและทันเวลา
เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งที่หลายองค์กรในประเทศไทยได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความรับผิดชอบต่อผู้บริโภค ลูกค้า พันธมิตร หรือคู่ค้า และสังคมโดยส่วนร่วมในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ โดยเลือกที่จะให้ความสำคัญกับจุดมุ่งหมายและความยั่งยืนมากกว่าผลกำไรเฉพาะหน้า
วิกฤตนี้จึงเป็นโอกาสอันดีที่ผู้นำจะทบทวน Purpose และ Reset วัฒนธรรมองค์กร เพื่อสร้างความยั่งยืน & ความได้เปรียบทางการแข่งขันใหม่ให้กับองค์กร
อย่างไรก็ตามการสร้าง Purposeful Organization จะไม่สามารถดำเนินไปได้ด้วยความสำเร็จอย่างแท้จริง หากตัวของผู้นำเองขาด Purpose หรือจุดมุ่งหมายในชีวิตของตัวเองว่าเราต้องการมุ่งหน้าไปที่ไหน เพื่อใคร และต้องการจะฝากชื่อไว้บนโลกใบนี้อย่างไร โดยอาจจะลองใช้ชุดคำถามดังนี้:
-เราต้องการจะเป็นใคร
-อะไรคือจุดแข็งของเรา
-เราจะนำการเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร
-เรากำลังทำในสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่
-เราอยากเห็นตัวเราเป็นอย่างไร เมื่อผ่านวิกฤตไปแล้ว
-เราจะต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างไร เพื่อให้สามารถอยู่ในยุค New Normal ได้
สุดท้าย ดิฉันอยากฝากคำกล่าวที่ให้ไว้สำหรับผู้นำทุกท่าน “In time of prosperity, build confidence. In time of crisis, build CHARACTER” เพราะคาแรคเตอร์คือคุณสมบัติ หรือตัวตนที่อยู่ข้างในของคุณที่จะทำให้คุณเอาชนะได้ในทุกวิกฤตและทุกการเปลี่ยนแปลง
--------------------------------------------------------------------------------
พรทิพย์ อัยยิมาพันธ์ [email protected]
เป็นผู้ก่อตั้งและประธานบริหาร PacRim Group: “Trusted Partner to Accelerate Transformation and Performance Improvement” https://www.pacrimgroup.com/#/home
ติดตามอ่าน “Tips to Top” ได้ทุกวันพุธที่ 3 ของเดือนทางกรุงเทพธุรกิจ https://www.bangkokbiznews.com/blog/blogger/476