วิเคราะห์เบื้องหลัง 11.11 ปี 2020 ทำไมจึงประสบความสำเร็จ

วิเคราะห์เบื้องหลัง 11.11 ปี 2020 ทำไมจึงประสบความสำเร็จ

กลายเป็นตลาดกระแสหลักสำหรับการค้าขายปลีกย่อยไปแล้ว

มีการเปิดเผยสถิติการชอปปิงในวันคนโสด 11.11 2020 ในประเทศจีน ซึ่งภาพรวมทั้งหมดแล้วพบว่ามียอดสั่งซื้อมากถึง 7.4 หมื่นล้านดอลลาร์ด้วยกัน ซึ่งถือว่าเป็นยอดขายที่พุ่งสูงยิ่งกว่าที่หลายสำนักคาดการณ์ไว้ หลายคนอาจสงสัยว่า “ทำไมยอดซื้อของคนจีนถึงพุ่งแรงขนาดนั้น” ก่อนอื่นมาดูปัจจัยต่างๆ กันหน่อยครับ 

1.ความอัดอั้นในการใช้จ่าย ต้องยอมรับว่า การปลดล็อกจากสถานการณ์ โควิด-19 มีส่วนสำคัญมากครับ เพราะคนจีนจำนวนมาก มีความ “อัดอั้น” อยากท่องเที่ยว อยากใช้จ่าย หลังจากต้องเก็บตัวอยู่กันนานหลายเดือน

2.วีแชท มีจำนวนผู้ใช้งานรายเดือนพุ่งสูงที่สุด ผลที่เกิดจากช่วงกักตัวโควิด-19 ที่ไม่เพียงแต่การติดต่อสื่อสารผ่านทางวีแชท แต่ยังรวมถึงการใช้งานด้านธุรกรรมออนไลน์อื่นๆ ด้วย ทำให้จำนวนผู้ใช้งานวีแชท เพิ่มสูงสุดเท่าที่เคยมีมา ซึ่งก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้การตลาดออนไลน์ในช่วงเวลา 11.11 ประสบความสำเร็จยิ่งขึ้น เพราะทั้งผู้ใช้งานและเจ้าของแบรนด์พากันมาใช้ช่องทางนี้กันหมด

สำหรับจำนวนผู้ใช้งานแพลทฟอร์มหลักของเทนเซ็นต์ ที่เพิ่มขึ้น พบว่าแพลตฟอร์มวีแชท มีจำนวนผู้ใช้งานเป็นประจำต่อเดือนเพิ่มขึ้น 8.2% และ QQ เพิ่มขึ้น 3.2% จากปีก่อน และจำนวนรวมของผู้ใช้งานสูงถึง 1.2 พันล้านคน

อีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้การใช้งานวีแชทและ QQ เพิ่มขึ้น นอกจากเรื่องการกักตัวเพราะเชื้อโควิด-19 ก็มีอีกปัจจัยเช่น การทำงานแบบเวิร์คฟอรมโฮมที่ทำให้หลายธุรกิจปรับตัวมาอยู่บนแพลตฟอร์มออนไลน์ และใช้ช่องทางเหล่านี้ให้เป็นประโยชน์มากขึ้นในการทำโปรโมชั่น การทำตลาด และอื่นๆด้วย

3.ผู้ขายจำเป็นต้องปรับตัว ตรงนี้สำคัญมาก เพราะการที่เกิดโควิดในช่วงก่อนหน้านี้ ก็เลยเป็นการ “บีบ” ให้ผู้ประกอบการที่ยังไม่ได้ให้ความสำคัญกับการเปิดร้านค้าบนออนไลน์ จำเป็นต้องหันมาใช้บริการแพลตฟอร์มออนไลน์ อีคอมเมิร์ซ และโซเชียลมีเดียกันขนานใหญ่ เพราะถ้าไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ปรับตัว ก็เอาตัวไม่รอดเหมือนกัน

4.ผู้ใช้งานแล้วเริ่มชิน ตรงนี้คือส่วนของผู้ซื้อ เพราะก็ต้องหันมาใช้จ่ายผ่านระบบออนไลน์ โดยคนที่ไม่ค่อยสนใจด้านนี้ ก็ต้องมาดาวโหลดแอพต่างๆ หัดใช้งานการจ่ายเงินบนแพลตฟอร์ม ซึ่งพอหลายคนเริ่มใช้งานจนชิน คล่องแล้ว ส่วนใหญ่ก็มักพบว่ามันสะดวกกว่าไปจ่ายเงินซื้อของตามหน้าร้านปกติ ก็เลยหันมาใช้ตรงนี้ไปเลย

5.สงครามตัดราคา กลายเป็นหนึ่งในสงครามบนโลกออนไลน์ไปแล้ว เนื่องจากการซื้อของบนออนไลน์มักจะมีการให้ส่วนลด โปรโมชั่น การทำสงครามราคาจากร้านค้าต่างๆ อยู่ตลอด ผลประโยชน์เลยตกอยู่ที่ผู้ซื้อ ส่วนผู้ขายก็ได้ช่องทางเพิ่ม มากกว่าแค่การเปิดหน้าร้านตามปกติด้วย

6.แพลตฟอร์มเฉพาะทางมากขึ้น ตรงนี้เราต้องยอมรับก่อนว่า สินค้าบางชนิด ใช่ว่ามาทำการตลาดด้วยการเปิดหน้าร้านออนไลน์แล้วจะขายได้ง่ายๆเสมอไป ไม่ว่าจะเป็นของในกลุ่ม Mass เช่นพวก อุปโภค บริโภค หรือของเฉพาะทาง เฉพาะกลุ่มต่างๆ

สำหรับสินค้าในกลุ่ม Mass การจะขายได้ถล่มทลายไหม ก็อยู่ที่หลายปัจจัย เช่น การเลือกช่องทางที่ใช้ การปั้นแบรนด์ ส่วนของใช้ที่เป็นกลุ่มเฉพาะทาง ก็ต้องหาทางทำการตลาดให้เข้าถึงคนซื้อจริงๆให้ได้ ซึ่งตรงนี้เองที่แพลตฟอร์มบางตัวตอบโจทย์

นอกจากนี้หลายแบรนด์ก็เริ่มมีการทำตลาดบน Tiktok ที่หันไปเน้นจับกลุ่มวัยรุ่น Gen Y-Z หรือสินค้าประเภทความสวยงาม บิวตี้ ที่ราคาไม่แพง โดยใช้คลิปสั้นๆ เป็นช่องทางใหม่ๆ ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยเรียกลูกค้าได้อย่างคาดไม่ถึงด้วย

7.เมื่อวันที่ 11.11 ไม่ได้เจาะจงแค่วันเดียว เพราะหลายแบรนด์เลือกใช้กลยุทธ์ไม่ขายแค่วันนี้วันเดียว แต่มีการเปิดให้สั่งล่วงหน้า Pre-Order ไปจนถึงเปิดโอกาสให้ผู้ซื้อนานขึ้น เช่น การทำตลาด ทำโปรโมชั่นล่วงหน้า ว่าคุณจะได้ราคาเดียวกับใน 11.11 แต่สามารถสั่งก่อนได้ หรือจะสั่งหลังจากนั้นก็ได้ ทำให้คนซื้อสามารถที่จะ “หมุนเงิน” ไม่ต้องคิดมากที่จะทุ่มซื้อในวันเดียว

8.การ Live ไม่วุ่นวายมาก เป็นหนึ่งในส่วนสำคัญ เมื่อคนทำรีวิวสินค้าพบว่า แพลทฟอร์มใช้งานง่าย สะดวก แค่คลิกก็สามารถทำ Live ได้แล้ว ไม่ต้องมีพิธีรีตองมาก แล้วในเมื่อมันใช้ง่ายทั้งในส่วนของคนขาย คนซื้อ รวมกับใช้แล้วเริ่มชิน สิ่งที่ตามมาก็เลยกลายเป็น “เวที” ให้กับนักการตลาด คนรีวิว บล็อกเกอร์ และเซเล็บทั้งหลาย ที่จะมาทุ่มเทในช่องออนไลน์กัน เมื่อมีคนเข้ามาเล่นมาก การครีเอทต่างๆก็ยิ่งเพิ่มตามไปด้วย เกิดเป็นกระแสให้คนที่ไม่เคยสนใจมาก่อน ต้องเข้าไปติดตามบ้าง แล้วยังเรียกบรรดาแฟนคลับของเซเล็บ ศิลปิน หรือ KOL ต่างๆให้เข้ามาดูกันได้อีก

จากภาพรวมที่กล่าวมา ไม่ต้องแปลกใจเลยครับว่า ทำไมช่วงเทศกาลวันคนโสด 11.11 ในปีนี้ ถึงมียอดใช้จ่ายบนออนไลน์สูงมากเป็นพิเศษ เรียกได้ว่ากลายเป็นตลาดกระแสหลักสำหรับการค้าขายปลีกย่อยไปแล้วครับ