โรคเรื้อรังของสังคมไทย
โควิด-19 ระบาดเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดอีกครั้ง หลังเมืองไทยได้รับการยกย่องว่าสามารถป้องกันมิให้มันระบาดอย่างแพร่หลายได้สำเร็จอย่างงดงาม
รายงานของสื่อบ่งว่า ที่มาหลักของการระบาดล่าสุดนี้ได้แก่แรงงานต่างชาติในกิจการอาหารทะเลของจังหวัดสมุทรสาครและนักการพนันชาวไทยในบ่อนหลายแห่ง แรงงานต่างชาติจำนวนมากเข้ามาแบบผิดกฎหมายและส่วนหนึ่งนำเชื้อโรคร้ายติดตัวมา กิจการที่จ้างแรงงานเหล่านั้นละเมิดกฎหมายเช่นเดียวกับบ่อนการพนันทั้งหลายด้วย แรงงานดังกล่าวเข้ามาได้และบ่อนการพนันดำเนินกิจการอยู่ได้มีปัจจัยอันสำคัญยิ่งร่วมกัน นั่นคือ ความฉ้อฉลของคนไทยโดยเฉพาะคนในภาครัฐ
เรื่องความฉ้อฉลของคนในภาครัฐน่าจะระบาดอยู่ในทุกหย่อมหญ้าเนื่องจากผมได้ฟังและได้เห็นมาตั้งแต่ครั้งผมยังเป็นเด็ก ย้อนไปหลายสิบปี ผมมีเพื่อนบ้านเล่าให้ฟังว่า เขาเป็นคนขับรถในหน่วยราชการ บางครั้งเจ้านายให้เขาขับรถราชการไปลำเลียงฝิ่นจากย่านสามเหลี่ยมทองคำลงมาภาคกลาง เรื่องที่เขาเล่าจะจริงหรือไม่ผมไม่สามารถยืนยันได้ แต่ย้อนไปในยุคนั้น มีรายงานตามสื่อต่าง ๆ ว่าเมืองไทยมีข้าราชการชั้นอัศวินซึ่งค้ายาเสพติดจนเป็นมหาเศรษฐีติดอันดับโลก
เรื่องที่ผมสามารถยืนยันได้ว่าเป็นความจริงคือ ธุรกิจผิดกฎหมายที่มักเรียกกันว่าหวยใต้ดินซึ่งไม่มีลักษณะของความเป็น “ใต้ดิน” แม้แต่น้อยเพราะทำกันอย่างเปิดเผย ผมรู้ทั้งผู้ขายและใครเป็นเจ้ามือในท้องถิ่น ในกิจการหวยใต้ดินนี้ เรื่องที่โดดเด่นที่สุดได้แก่ หนึ่งในผู้ขายเป็นพี่ชายของผมเอง และหนึ่งในสถานที่ซึ่งพี่ชายเข้าไปขายในตอนเช้าของวันหวยออกทุกครั้งคือ บ้านพักของตำรวจซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังของสำนักงานตำรวจภูธรประจำอำเภอ บรรดาภรรยาของตำรวจเป็นลูกค้าประจำคนสำคัญ เรื่องนี้มีรายละเอียดอยู่ในหนังสือเล่มแรกของผมชื่อ “จดหมายจากบ้านนา” (พิมพ์ครั้งแรกเมื่อเดือนมกราคม 2542 ดาวน์โหลดได้ฟรีที่เว็บไซต์ของมูลนิธินักอ่านบ้านนา www.bannareader.com)
หลังจากออกจากบ้านเกิดไปอยู่ต่างประเทศกว่า 50 ปี ผมไม่มีโอกาสได้สัมผัสโดยตรงกับความฉ้อฉลของคนไทยในภาครัฐนอกจากการเล่าของญาติสนิทมิตรสหายซึ่งเป็นผู้ที่มีอาชีพอยู่ทั้งในภาคเอกชนและภาครัฐรวมทั้งทหาร ตำรวจและข้าราชการพลเรือนหลายกลุ่ม ข้อมูลที่ผมได้รับยืนยันว่า ความฉ้อฉลในสังคมไทยมิได้ลดลง ตรงข้ามมันอาจเพิ่มขึ้นและสลับซับซ้อนขึ้นเนื่องจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเอื้อให้มันทำได้ง่ายและแนบเนียนขึ้น ในช่วงเวลากว่า 50 ปีที่ผมไปอาศัยอยู่ในต่างประเทศ ผมใช้เวลาส่วนใหญ่คลุกคลีอยู่กับกระบวนการพัฒนาของประเทศต่าง ๆ ในหลายส่วนของโลก ประสบการณ์อันยาวนานนั้นทำให้ผมสรุปได้ว่า ความฉ้อฉลของคนในชาติคืออุปสรรคสูงสุดของการพัฒนา
ย้อนกลับมายังเมืองไทย ผมพยายามทำความเข้าใจว่าสังคมไทยอยู่ตรงไหนในด้านการลดความฉ้อฉลเพื่อเอื้อให้การพัฒนาเกิดได้ง่ายขึ้น สิ่งที่ผมพบยืนยันว่า เราไม่ต่างกับประเทศด้อยพัฒนาที่ล้าหลังแบบท้ายแถวมากนัก ผมมีโอกาสได้สัมภาษณ์ทั้งขอทานชาวเขมรที่เข้ามาหากินในเมืองไทยและแรงงานพม่าที่เข้ามาทั้งแบบผิดและถูกกฎหมาย ปัจจัยที่เอื้อให้พวกเข้ามาแบบผิดกฎหมายได้คือ ความฉ้อฉลของคนไทยในภาครัฐ ผมเล่าเรื่องราวของชาวพม่าไว้ในหนังสือเล่มล่าสุดของผมชื่อ “จดหมายจากชายทุ่ง” (พิมพ์เดือนกุมภาพันธ์ 2563 และดาวน์โหลดได้ฟรีที่เว็บไซต์ของมูลนิธินักอ่านบ้านนาเช่นกัน)
ณ วันนี้ หลายประเทศสามารถผลิตวัคซีนเพื่อป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-19ได้แล้วและได้เริ่มฉีดให้ประชาชนของตนอย่างรีบเร่ง คาดว่าอีกไม่นานคนไทยจะมีโอกาสเข้าถึงวัคซีนเช่นกัน เมื่อคนไทยและชาวโลกได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึงซึ่งอาจจะเป็น 1-2 ปี การระบาดของไวรัสตัวล่าสุดนี้จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญและวิฤติที่มันก่อให้เกิดขึ้นจะหายไปรวมทั้งในเมืองไทยด้วย กระนั้นก็ดี เมืองไทยจะยังมีโรคเรื้อรังที่เหนี่ยวรั้งมิให้การพัฒนาเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วและราบรื่น ได้แก่ ความฉ้อฉลของคนไทยโดยเฉพาะคนที่มีอำนาจรัฐ สังคมไทยคงจะไม่ตายด้วยไวรัส แต่จะตายด้วยความฉ้อฉล