ร่วมด้วยช่วยกัน ผ่านปียากลำบากอีกครั้ง!
ต้อนรับศักราชใหม่! วันนี้ผู้ป่วยโควิดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วต่อเนื่องทะลุหมื่นราย หากมองบวก“วิกฤติซ้ำ”มาเร็วย่อมเป็นไปได้ที่จะจบลงเร็ว
แต่เดิมเรามีความคาดหวังสูงเกี่ยวกับ “วิกฤติโรคระบาดโควิด-19” ที่น่าจะคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้นในปี 2564 นี้ ประเทศไทยและหลายๆ ประเทศทั่วโลกจะได้เห็นภาพการ “รีสตาร์ท” เดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจ เริ่มกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้มากขึ้นภายใต้วิถีปกติใหม่ ที่แม้จะยังคงต้องให้ความสำคัญด้านสุขอนามัยเป็นพิเศษกว่ายุคก่อนโควิด ขณะที่การฟื้นตัวของ “เศรษฐกิจ” ยังคงต้องอาศัยเวลา โดยคาดการณ์ไว้ว่ากลางปี 2565 เป็นต้นไป สัญญาณชีพต่างๆ ที่ได้แรงส่งต่อมาจากปี 2564 พร้อมการทยอยใช้ “วัคซีน” จะมีผลลัพธ์ที่ดีต่อใจในปี 2565 อย่างแน่นอน
แต่เมื่อการจู่โจมของ “การระบาดรอบใหม่” ในประเทศไทยมาอย่างรวดเร็วส่งท้ายปี 2563 พร้อมขยายวงกว้างลามมากกว่าครึ่งประเทศในเวลานี้ เหตุการณ์นี้ไม่ผิดจากที่ผู้คนจำนวนไม่น้อยเผื่อใจไว้แล้วว่าท่ามกลางสถานการณ์ที่ดีขึ้นนั้นการระบาดอาจตีกลับมาเวลาไหนก็ได้! กระทั่งเกมพลิกเกิดขึ้นจริงๆ เขย่า “ไฮซีซัน” ที่บรรดาผู้ประกอบการต่างฮึดสู้! อีกครั้งในห้วงสุดท้ายของปีที่ผ่านมา ตระเตรียมแผนงาน ลงทุนบิ๊กอีเวนท์เช่นทุกปีแม้จะลดสเกลลงให้เหมาะกับสถานการณ์ และคาดหวังว่าจากบรรยากาศที่กระเตื้องขึ้นมาอย่างต่อเนื่องจะดึงดูดผู้คนออกมาร่วมเฉลิมฉลอง จับจ่ายใช้สอย สร้างเม็ดเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจ ประคองธุรกิจให้ก้าวผ่านปีแห่งความยากลำบากนี้ไปแบบเจ็บตัวให้น้อยที่สุด!
มาถึงวันนี้ จำนวน"ผู้ป่วยโควิด" ในไทยต้อนรับศักราชใหม่! เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแตะหลักหมื่นราย หากมองบวก “วิกฤติซ้ำ” ที่มาเร็ว ย่อมมีความเป็นไปได้ที่จะ “จบเร็ว” โอกาสพลิกฟื้นธุรกิจจะเริ่มต้นได้เร็วเช่นกัน ด้วยประสบการณ์ที่ทุกคนผ่านช่วงพีคของการระบาดที่สุดช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย.2563 แม้จะผ่านมาแบบทุลักทุเล บางคนอาการบาดเจ็บยังไม่บรรเทาเบาบางด้วยซ้ำ แต่ก็มีลมหายใจรอดชีวิตมาได้รอเพียงจังหวะเวลาที่จะ “ฟื้นฟู” ให้กลับมาแข็งแรงดังเดิม หรือยิ่งกว่าเดิม
หัวใจหลักของการฝ่าด่านโควิด นั่นคือ การ์ดไม่ตก!ในการใช้ชีวิตแบบปกติใหม่ที่ต้องให้ความสำคัญกับมาตรการสุขอนามัย ปลอดภัย ร่วมด้วยช่วยกันสกัดกั้นการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดให้ได้มากที่สุด เริ่มจากหน่วยเล็กที่สุด ด้วยการปกป้องตนเองและครอบครัว สู่ระดับสังคมในชุมชน สถานที่สาธารณะ โดยเฉพาะการใช้ชีวิตในพื้นที่ที่มีผู้คนจำนวนมาก ต้องรักษาระยะห่างทางสังคม ลดการสัมผัสให้ได้มากที่สุด พร้อมตัวช่วยทั้งหน้ากากอนามัย แอพพลิเคชั่นไทยชนะ หมอชนะ การหลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง
ในทุกวิกฤติมีทางออกเสมอ! สะท้อนและตอกย้ำผ่านมุมมองของบรรดา “ซีอีโอ” ผู้นำทัพธุรกิจใหญ่น้อยที่มีส่วนในการขับเคลื่อนประเทศไทย ต่างเชื่อมั่นว่า ประสบการณ์จากการ “รับมือ” วิกฤติการณ์รอบแรกที่มาแบบไม่ทันตั้งตัวมีส่วนสำคัญในการ “ตั้งรับ” จะเห็นว่าเมื่อเริ่มการแพร่ระบาดได้สั่งการทันทีให้พนักงานทำงานที่บ้าน เข้าสู่นโยบาย Work From Home ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการร่วมหยุดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสร้าย เช่นเดียวกับรอบแรกที่ได้รณรงค์ให้ทุกคน "อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ"
พร้อมใช้ “ออนไลน์” เป็นเครื่องมือในการสร้างรายได้ ซึ่งขณะนี้ผู้ประกอบการทุกรายต่างมีความพร้อมมากขึ้นจากครั้งก่อน มีการปรับองคาพยพ พัฒนาทักษะบุคลากร “อัพสกิล-รีสกิล” ในองค์กรให้รอบรู้และใช้งานเทคโนโลยี ดิจิทัล ออนไลน์ ไปพร้อมๆ กับการปรับตัวของผู้บริโภคที่เข้าหาเทคโนโลยีมากขึ้น ด้วยข้อจำกัดในการใช้ชีวิต ต้องอยู่บ้าน ไม่สามารถเดินทางได้ปกติ เป็นตัวเร่งให้เข้าสู่โหมดของเทคโนโลยีสมัยใหม่
ยิ่งโครงการช่วยเหลือต่างๆ จากภาครัฐผูกไปกับการใช้เทคโนโลยี ผ่านเครื่องมือที่ทุกคนคุ้นชินอย่าง “สมาร์ทโฟน” และ “แอพพลิเคชั่น” ในการให้ประชาชนเข้าถึงความช่วยเหลือ ถือเป็นจุดพลิกที่สำคัญ ทำให้ภาคสังคม ประชาชนทั่วประเทศตั้งแต่ระดับฐานราก เกิดการเรียนรู้และมั่นใจที่จะใช้เทคโนโลยีในด้านต่างๆ มากขึ้น จะเห็นว่าชาวบ้าน ร้านค้าในตลาด สามารถทำธุรกรรมรับโอนจ่ายเงินค่าสินค้าและบริการได้อย่างคล่องแคล่ว คล่องตัวมากขึ้นทุกวัน หลังจากนี้ทั้งภาครัฐและเอกชนจะสามารถ “ต่อยอด” สานประโยชน์ได้มากขึ้นจากการเข้าถึงและเข้าใจการใช้เทคโนโลยี
อย่างไรก็ตาม แม้ทุกฝ่ายจะเชื่อมั่นในระบบสาธารณสุขของไทย และมั่นใจว่ารัฐบาลจะควบคุมการระบาดรอบใหม่นี้ได้ แต่อย่าลืมว่าสาเหตุของการระบาดที่ปะทุขึ้นมาใหม่นั้น ส่วนหนึ่งเกิดจากความหละหลวมของการบังคับใช้กฏหมาย โดยเฉพาะ “แรงงานต่างด้าว” และ “บ่อนพนัน” ที่เป็นต้นตอการแพร่เชื้อรอบใหม่ในหลายพื้นที่ ดังนั้นรัฐจะต้องมีความเด็ดขาดในการใช้กฎหมายอย่างเข้มแข็ง มีการบริหารจัดการควบคุมช่องโหว่ ช่องว่างต่างๆ ที่จะทำให้เกิดปัญหาตามมา พร้อมๆ กับมองล่วงหน้าถึง “กิจกรรมทางเศรษฐกิจ”
จะเดินหน้าต่อไปอย่างไร การวางมาตรการเร่งด่วนระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว ที่จะต้องรับช่วงต่อกันอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อ “ฟื้นไข้ประเทศไทย”
ทั้งหมดทั้งมวล เป็นภารกิจร่วมด้วยช่วยกันของชาวไทยในการฝ่าวิกฤติให้ผ่านห้วงเวลาแห่งความยากลำบากนี้ไปได้อีกครั้ง!