ผลตอบแทนของตลาดหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์ ปี2020
ปี 2020 เป็นปีที่การลงทุนทั่วโลกมีความผันผวนอย่างมากเทียบได้กับปี 2008 ซึ่งเป็นปีที่เกิด Dot Com Crisis
ความผันผวนเริ่มจากการระบาดของ COVID-19 ที่เริ่มในเดือนธันวาคม ปี 2019 ที่มณฑลอู่ฮั่น รัฐบาลจีนได้ใช้มาตรการปิดเมือง และสร้างสถานพยาบาลชั่วคราวอย่างเร่งด่วนเพื่อจำกัดผลกระทบจากการระบาด แต่การแพร่ระบาดได้ขยายวงกว้างไปยังประเทศต่างๆทั่วโลก จนในเดือนมีนาคม 2020 องค์การอนามัยโลกประกาศให้ COVID-19 เป็นการระบาดใหญ่ (Pandemic)
สภาวะตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นได้ในช่วงต้นปี จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่เมื่อ COVID-19 แพร่ระบาดไปทั่วโลก ทำให้รัฐบาลหลายประเทศต้องออกมาตรการจำกัดการแพร่ระบาด ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ความเชื่อมั่นในการลงทุน และส่งผลต่อกิจกรรมในชีวิตประจำวัน ดัชนีการลงทุนทั่วโลกปรับตัวลงเฉลี่ย 40% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปี SET Index ปรับตัวลงต่ำกว่า 1,000 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่ปี 2011 ซึ่งเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ นอกจากนี้นักลงทุนมีความกังวลต่อการผิดนัดชำระหนี้ เกิดการไถ่ถอนหน่วยลงทุนจากหุ้นกู้สภาพคล่องต่ำจำนวนมาก ทำให้ตลาดตราสารหนี้ทั่วโลกเกิดความผันผวนอย่างมาก
ธนาคารกลางทั่วโลกออกนโยบายการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ นอกจากนี้ รัฐบาลทั่วโลกเริ่มใช้นโยบายการคลังเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน เช่นนโยบายช่วยเหลือด้านรายได้และการยืดการชำระหนี้ เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจ หลังจากที่ออกมาตรการการเงินและการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และการปิดเมืองในหลายประเทศ ช่วยให้ปริมาณผู้ติดเชื้อลดลง ส่งผลให้นักลงทุนกลับมามีความหวังต่อสินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะตราสารทุนอีกครั้ง เนื่องจากปริมาณอุปทานเงินปรับตัวขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกฟื้นตัวได้ดีในช่วงเมษายนถึงกันยายน นอกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การประกาศความคืบหน้าการพัฒนาวัคซีนโดย Moderna, Sinovac, AstraZeneca และ Pfizer เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นได้ดี
ในเดือนตุลาคม ตลาดหุ้นเริ่มมีแรงกดดันอีกครั้งจากความกังวลต่อการระบาดรอบสองในหลายประเทศ แต่แรงกดดันในรอบนี้น้อยกว่าการระบาดในรอบแรกมาก เนื่องจากนักลงทุนไม่ได้ตื่นตระหนกต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดมากเท่ารอบแรก และผลกระทบต่อเศรษฐกิจต่ำกว่าการระบาดในรอบแรก เนื่องจากนโยบายปิดเมืองผ่อนคลายกว่าในรอบแรกมาก ทำให้ต้นเดือนพฤศจิกายนภาวะตลาดหุ้นทั่วโลกกลับเข้าสู่ขาขึ้นอีกครั้งจากความคืบหน้าการพัฒนาและอนุมัติใช้วัคซีน COVID-19 ของบริษัทต่างๆ สร้างความหวังต่อการเปิดประเทศ ทำให้หุ้นกลุ่มวัฏจักรที่มีผลตอบแทนน้อยที่สุดในช่วงก่อนหน้า เริ่มกลับมาเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุด ตลาดหุ้นทั่วโลกหลายแห่งมีการปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วอย่างไม่เคยมีมาก่อนตั้งแต่วิกฤต Dot Com Crisis
ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ความต้อการใช้น้ำมันดิบลดลงอย่างรุนแรงสู่ 20 ล้านบาร์เรลต่อวันหรือ 20% ของกำลังผลิตน้ำมันทั่วโลก เนื่องจากการปิดเมืองทำให้การเดินทางทางบก ทางเรือ และทางอากาศหายไป ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงจาก 60 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลในเดือนมกราคม ลงต่ำกว่า 10 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลในเดือนเมษายน และราคาน้ำมันในตลาดซื้อขายล่วงหน้าติดลบครั้งแรก เนื่องจากความกังวลในการขาดแคลนสถานที่เก็บน้ำมัน ทำให้ต้นทุนการเก็บน้ำมันสูงกว่าราคาซื้อขาย แต่การปรับตัวลงเป็นการปรับตัวในระยะสั้น เดือนพฤษภาคม ราคาน้ำมันฟื้นตัวอย่างชัดเจน หลังจากนักลงทุนและนักเก็งกำไรเห็นการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยราคาน้ำมันดิบ WTI กลับมาอยู่ที่ 40 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลในเดือนกรกฎาคม และปรับตัวตัวขึ้นได้ดีตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนเป็นต้นมา จากความชัดเจนในการแจกจ่ายวัคซีนทั่วโลก
ราคาทองคำผันผวนรุนแรงจากสถานการณ์ COVID-19 โดยปรับตัวต่ำกว่า 1,500 เหรียญสหรัฐฯ ต่อออนซ์ในเดือนมีนาคม จากนั้นราคาทองคำปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องสู่ระดับสูงสุดที่ 2,074 เหรียญสหรัฐฯ ต่อออนซ์ในเดือนสิงหาคม เนื่องจากนักลงทุนเห็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจฟื้นตัวในเดือนเมษายน และ FED ใช้มาตรการอัดฉีดทางการเงินอย่างต่อเนื่อง ทำให้นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรในราคาทองคำ ซึ่งจะปรับตัวขึ้นในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยต่ำ ปริมาณอุปทานเงินในตลาดสูง และมีความเสี่ยงที่อัตราเงินเฟ้อจะปรับตัวขึ้น แต่เมื่อเศรษฐกิจกลับมาใกล้ระดับปกติมากขึ้น ความน่าสนใจการลงทุนในทองคำเริ่มลดลง ทำให้ราคาทองคำปรับตัวลงต่ำกว่า 2,000 เหรียญสหรัฐฯ ต่อออนซ์ตั้งแต่เดือนกันยายน เป็นต้นมา
ปี 2020 เป็นปีที่ราคา Bitcoin ปรับตัวขึ้นสร้างจุดสูงที่สุดใหม่ เกิดจากผู้บริโภคมีแนวโน้มการใช้บริการผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น และความกังวลต่ออุปทานเงินทั่วโลกปรับตัวขึ้นมากจากการที่ธนาคารกลางพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อบรรเทาผลกระทบของ COVID-19 ส่งผลให้ราคา Bitcoin ปรับตัวขึ้นจาก 10,000 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบิทคอยน์สู่ 29,000 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบิทคอยน์ ณ สิ้นปี 2020
สรุปผลตอบแทนตลาดหุ้นปี 2020 ตลาดหุ้นจีนให้ผลตอบแทนสูงที่สุดที่ +27.5% ตามมาด้วยตลาดหุ้นญี่ปุ่น +18.2% และตลาดสหรัฐฯ +17.6% ขณะที่ตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นยุโรปให้ผลตอบแทนติดลบที่ -5.3% และ -1.1% ตามลำดับและเป็นผลตอบแทนที่ต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นหลักๆทั่วโลก ในขณะที่ผลตอบแทนการลงทุนใน Bitcoin ปรับตัวขึ้นสูงถึง +304% และสร้างจุดสูงที่สุดใหม่เกือบ 30,000 ดอลลาร์ต่อบิทคอยน์ นอกจากนี้ราคาทองคำให้ผลตอบแทน +24.9% ขณะเดียวกันราคาน้ำมันดิบให้ผลตอบแทน -23%