'สองเด้ง'ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
'...อย่าได้รอความหวังนักท่องเที่ยวจะเพิ่มในช่วงหกเดือนก่อนสิ้นปี เพราะสถานการณ์โควิด 19 ทั้งโลกยังไม่มีความเสถียรใดๆ...'
ไม่เพียงนักท่องเที่ยวไม่มา ชุมชนต่างชาติในไทยเริ่มอยากกลับบ้าน
ไทยเราโดน "สองเด้ง" แน่นอน
ฤาโลกไร้พรมแดนที่เราพูดๆกันมาสองสามทศวรรษอย่างปักใจเชื่อว่าเป็นอนาคตของโลกนั้น เป็นได้เพียง "มายาคติ"ที่ต้องทบทวนเมื่อเกิดโรคระบาดโควิด 19
ทันทีทันใด พรมแดนแต่ละประเทศยกสูงขึ้น แน่นหนาขึ้น ถึงขั้นปิดตายไม่ให้เข้าออก การผ่อนปรนเป็นไปอย่างมีเงื่อนไขและขึ้นๆลงๆไม่เสถียร
เศรษฐกิจร้อยพันล้านในการท่องเที่ยวล่มลงในเวลาไม่กี่เดือน ซึ่งอย่าคิดว่าไม่เป็นไร มีตัวเลขที่น่าสนใจของ World Travel and Tourism Council แสดงว่านักท่องเที่ยวเข้าไทยประมาณปีละประมาณ ๖ ล้านกว่าคนนั้น นำรายได้เข้าประเทศ ๑๐๙.๕ พันล้านดอลล่าร์ มีคนคิดให้เห็นภาพง่ายๆว่าเงินทุกห้าบาทใช้จ่ายกันในปี ๒๐๑๘ หนึ่งบาทมาจากการท่องเที่ยว (แต่ยังไม่มีใครทำตัวเลขออกมาให้เห็นว่าในหนึ่งบาทนั้นตกเป็นของคนไทยกี่สตางค์ถ้าหักรายได้ของธุรกิจต่างชาติในการท่องเที่ยวในไทยออกไป) หรือหากจะคิดคำนวณให้เห็นภาพอีกวิธีหนึ่งคือในช่วงทศวรรษที่ผ่านมารายได้จากการท่องเที่ยวคิดเป็น ๒๒.๒% ของรายได้ประชาชาติ
ขาดรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติก็ทำให้เงินสะพัดน้อยลงและการทำงบประมาณก็เกือบขาดใจตามกันไป ไม่ใช่เราประเทศเดียว ทุกประเทศที่พึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยวเป็นหลักสำคัญต่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เปิดๆปิดๆผ่อนคลายกระชับพรมแดนกันเป็นรายเดือน เมื่อสองเดือนก่อน คนไทยไปกรีซไม่ต้องกักตัว เดือนนี้เปลี่ยนเป็นต้องกักตัวเสียแล้ว
ที่รัฐบาลไทยหวังว่าการแง้มๆเปิด"พรมแดน" เพื่อการท่องเที่ยวตั้งแต่ตุลาคม ปีที่แล้วโดยมีวีซ่าอยู่ยาวให้ด้วย ก็คงเป็นเพียงความฝันลมๆแล้งๆ การท่องเที่ยวยังสลบไม่ฟื้น ซึ่งถ้าคลี่ข้อมูลตัวเลขดู ก็ต้องยอมรับว่าการท่องเที่ยวโดยต่างชาติและวีซ่าชุมชนชาวต่างชาติในไทยได้เริ่มซบเซามาก่อนหน้านี้แล้ว โควิด 19 เป็นเพียงปัจจัยซ้ำเติมที่หนักหน่วง
กล่าวคือ ค่าเงินบาทไทยที่แข็งติดต่อกันอย่างเสถียรเกือบสองปีที่ผ่านมา ทำให้กำลังซื้อของเงินตราต่างประเทศลดฮวบลง โดยเฉพาะเงินปอนด์ อีกทั้งโดยเฉลี่ยนักท่องเที่ยวอยู่ไทย ๙ วันไม่ถึง ๑๐ วัน อยู่แล้ว จึงไม่แปลกที่ถึงทำโพรโมชั่นเชิญชวนให้วีซ่าอยู่ยาวสักแค่ไหน ก็มากันกะปริบกะปรอยทั้งจากกลุ่มเอเชียตะวันออก (จีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น)ที่ครองแชมป์จำนวนนักท่องเที่ยวในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา รองลงมาคือจากกลุ่มประเทศยุโรป สหรัฐฯ ตะวันออกกลาง ในกลุ่มประเทศอาเซียนและแอฟริกา นี่ขนาดว่าไทยมีมาตรการความปลอดภัยด้านโรคระบาดโควิด 19 ในระดับดีต้นๆของโลก
แม้แต่ชุมชนชาวต่างชาติที่ทำงานและพำนักในไทยมานาน สุขสโมสรตลอดมา บ้างซื้อห้องพักคอนโดไว้เมื่อกฎหมายอนุญาตและยังยอมอยู่เมืองไทยต่อมาหลังมาตรการวีซ่าเข้มงวดมากขึ้นตั้งแต่กุมภาพันธ์ ๒๐๑๙ เช่นเพิ่มเงินประกันอยู่ยาว เพิ่มประกันสุขภาพ ทำให้ชาวต่างชาติประเภทหลังเกษียณรวมแล้วต้องมีเงินสดอย่างต่ำ ๘๐๐,๐๐๐ บาทสองเดือนล่วงหน้าในบัญชีธนาคารในไทยก่อนยื่นเรื่องขอวีซ่า ไหนยังจะต้องมีรายได้เดือนละไม่ต่ำกว่า ๖๕,๐๐๐ บาท
แต่ในเมื่อโควิด 19 ได้สร้าง"พรมแดน" อย่างไม่ทันตั้งตัวและหนักหน่วงทั้งระดับประเทศต่อประเทศ บุคคลต่อบุคคล ทันทีทันใด ก็เกิดกำแพง "พรมแดน"ที่ตัดขาดเขาออกจากผู้คนสิ่งแวดล้อมทุกอย่างในไทย และครอบครัวญาติพี่น้องที่ประเทศบ้าน สภาวะนี้ยาวไกลไปอีกเท่าไรไม่มีใครรู้ พวกเขาบอกตัวเองว่าถึงเวลาแล้วกระมังที่ต้องคิดใหม่เมื่อโลกไม่ได้ไร้พรมแดนอย่างที่เคยคิดและมีชีวิตอยู่มา พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือที่เคยข้าม"พรมแดน"เดินทางเข้าออกกลับบ้านเมื่อไรก็ได้ ใครมาเยี่ยมก็มาได้
ก็อารมณ์แบบเดียวกันนั่นแหละ สำหรับชุมชนคนไทยอยู่ต่างประเทศเป็นการชั่วคราวไม่ใช่ในฐานะพลเมือง ยิ่งถ้าประเทศนั้น ๆควบคุมดูแลโรคระบาดได้ไม่ดีเท่าไทย ก็ยิ่งอยากและดิ้นรนจะกลับ "บ้าน" ตลอดปีกว่าๆมานี้ คนไทยดิ้นรนกันสาหัสที่จะนำตัวลูกหลานศึกษาต่อในบางประเทศให้รีบกลับบ้าน ณ วันนี้ที่กำลังจะส่งไปเรียนก็ยังรีๆรอๆ แม้ได้เข้ามหาวิทยาลัยดี ๆ
ท้ายที่สุด คนเราก็ได้สติ กลับมาหาของจริงที่มีความหมายกับชีวิต คือ ครอบครัว ถ้าถึงขั้น"เสี่ยง" ถูกตัดขาดจากครอบครัวแบบไม่ทันตั้งตัว ต้องฝ่าด่านต่าง ๆ เพื่อออกจากที่พักของตัวเองไปที่ไหนสักแห่งได้โดยเฉพาะข้าม "พรมแดน" กลับประเทศบ้าน อย่าว่าแต่คนวัยเกษียณเลย คนวัยทำงานก็เริ่มคิดใหม่เพราะห่วงพ่อแม่ที่ประเทศบ้าน
ธุรกิจคมนาคมทางอากาศทางบกทางทะเล ธุรกิจใหญ่น้อยระดับโรงแรมห้าดาวจนถึงที่พักขนาดเล็ก คูหาร้านอาหารและแผงลอยต่าง ๆขายสินค้าขายของที่ระลึกต่างจึงต้องทยอยปิดไป เป็นประจักษ์พยานที่ไม่ต้องพูดอะไรอีก
บทสรุปก็คือ เราต้องพูดความจริงกัน สิ่งใดเกี่ยวกับการท่องเที่ยวของต่างชาติ (รวมทั้งของคนไทยเราเอง)และการบริการชุมชนชาวต่างชาติทั้งหลายทั้งปวงที่ทำไปแล้ว กำลังทำอยู่ และกำลังสร้างโครงการต่าง ๆเพื่อการนี้ ไม่ว่าจะในด้านสิ่งปลูกสร้างหรือการศึกษาเตรียมแรงงานด้านบริการ ได้โปรดคิดใหม่รับมือสถานการณ์ใหม่โดยเร็ว
อย่าได้รอความหวังนักท่องเที่ยวจะเพิ่มในช่วงหกเดือนก่อนสิ้นปี เพราะสถานการณ์โควิด 19 ทั้งโลกยังไม่มีความเสถียรใด ๆเลย.