‘อนาคตฐาน’ของการท่องเที่ยวไทยหลังโควิด-19

‘อนาคตฐาน’ของการท่องเที่ยวไทยหลังโควิด-19

โควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก นานาประเทศต่างก็ล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการระบาดของโรค เมื่อเปรียบเทียบรายได้ภาคการท่องเที่ยวกับปี 2562

          คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะใช้เวลาในการฟื้นตัวจนถึงประมาณปี พ.ศ. 2567 แต่จีนจะฟื้นตัวเร็วกว่าโลก 1 ปีทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการได้รับวัคซีน และความพร้อมของแต่ละประเทศเศรษฐกิจหลัก 

          มูลนิธิสถาบันศึกษานโยบายสาธารณะได้รับมอบหมายจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) ให้วาดภาพอนาคตฐานและยุทธศาสตร์สำคัญสำหรับการวิจัยและพัฒนาการท่องเที่ยวไทย

รศ. ดร. อภิวัฒน์ รัตนวราหะ นักวิจัยอนาคตศาสตร์ได้สังเคราะห์อนาคตฐานของการท่องเที่ยวไทย ซึ่งจากการกวาดสัญญาณหาแนวโน้มสำคัญของการท่องเที่ยวระดับโลก รวมถึงปัจจัยที่ผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของการท่องเที่ยวก่อนและระหว่างการระบาดของโรคโควิด-19 พบว่า

ในภาพอนาคตฐาน (Baseline future) ของการท่องเที่ยวไทยในช่วงระยะสั้นและระยะกลาง เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดเริ่มคลี่คลายลง แนวโน้มที่คาดว่าจะกลับไปเป็นเหมือนก่อนหน้าสถานการณ์โควิด-19 มีดังต่อไปนี้

  • นักท่องเที่ยวจะนิยมการเดินทางท่องเที่ยวเชิงวิถีชีวิตและประสบการณ์เพิ่มขึ้น
  • รูปแบบการเดินทางท่องเที่ยวยืดหยุ่นและหลากหลายมากขึ้น
  • นักท่องเที่ยวจะแสวงหากิจกรรมการมีส่วนร่วมกับชุมชนในพื้นที่ท่องเที่ยวและผลลัพธ์ในระยะยาวที่ยั่งยืนมากขึ้น หมายความว่านักท่องเที่ยวมีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนท้องถิ่นมากขึ้น
  • ช่องทางออนไลน์ทุกรูปแบบเป็นแหล่งข้อมูลและพื้นที่หลักสำหรับการค้นหาและให้บริการด้านการท่องเที่ยว
  • ที่ตั้งเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดของการนำเสนอสินค้าท่องเที่ยว เป็นทุนประเดิมที่ก่อให้เกิดความได้เปรียบโดยเปรียบเทียบ (Comparative advantage) แต่ในยุคปัจจุบันและในอนาคตข้อมูลจะเป็นตัวที่สร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน (Competitive advantage) ที่ทำให้ลูกค้าได้เข้าถึงสินค้าที่มีคุณภาพและศักยภาพได้อย่างกว้างขวางมากขึ้น
  • การท่องเที่ยวแบบไร้เงินสดและการใช้นวัตกรรมบนฐานบล็อกเชนจะเพิ่มขึ้น ทั้งนี้จะเพิ่มความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวจากโจรกรรมแบบเดิมๆ แต่ผู้ประกอบการและรัฐบาลก็ต้องเพิ่มความสามารถในการกำกับดูแลความปลอดภัยด้านไซเบอร์มากขึ้น

          เมื่อวิเคราะห์ระดับความไม่แน่นอนและระดับผลกระทบของปัจจัยที่ขับเคลื่อนแนวโน้มสำคัญ พบว่า ปัจจัยที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนและมีผลกระทบสูง ซึ่งจะเป็นอนาคตฐานของการท่องเที่ยวไทยเมื่อการท่องเที่ยวฟื้นตัวกลับมาใหม่ มีดังต่อไปนี้

  • การท่องเที่ยวกลุ่มเล็กจะเป็นกระแสใหม่ ธุรกิจท่องเที่ยวต้องปรับตัวให้สามารถบริการกลุ่มเล็ก เป็นการบริหารจัดการจุดหมายปลายทาง (Destination management) ให้มีกิจกรรมสร้างสรรค์มากขึ้น
  • ตลาดนักท่องเที่ยวจีนและอินเดียจะเติบโตแบบต่อเนื่อง
  • เมื่อการท่องเที่ยวฟื้นตัวขึ้น การกระจุกตัวของการท่องเที่ยวและความเสื่อมโทรมของทรัพยากรท่องเที่ยวจะกลับมาเป็นความท้าทายที่ต้องแก้ไขก่อนทรัพยากรธรรมชาติจะเสื่อมโทรมลงจนฟื้นคืนไม่ได้
  • เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนการท่องเที่ยว การเติบโตของเศรษฐกิจแพลตฟอร์มและธุรกิจการท่องเที่ยวบนโลกออนไลน์จะเป็นไปอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ซึ่งในขณะนี้ผู้ประกอบการไทยยังอาศัย Facebook และแพลตฟอร์มของต่างชาติเป็นหลัก
  • การลงทุนจากประเทศจีนในธุรกิจท่องเที่ยวจะเข้ามาในทุกห่วงโซ่การบริการด้านการท่องเที่ยว ธุรกิจไทยมีทางเลือกว่าจะแข่งขันด้วยราคา เป็นพันธมิตร หรือจะสร้างสินค้าและบริการที่ธุรกิจจีนเลียนแบบไม่ได้
  • คุณภาพอากาศในเมืองหลักจะเป็นอุปสรรคของการท่องเที่ยวมากในระยะสั้นและระยะปานกลาง

          นอกจากนี้ เนื่องจากความเสี่ยงจากการติดโรคโควิด-19 จะยังไม่หมดไปภายในเร็ววัน แม้ว่าจำนวนประชากรที่ฉีดวัคซีนจะเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ ก็ตาม

พฤติกรรมการท่องเที่ยวในช่วงระยะสั้นและระยะกลางคาดว่านักท่องเที่ยวจะให้ความสำคัญกับสิ่งที่คุ้นเคย คาดการณ์ได้ และเชื่อถือได้มากขึ้น

โดยเน้นการท่องเที่ยวในประเทศหรือในระดับภูมิภาคมากขึ้น และจะใส่ใจสุขภาพ สุขอนามัยและความปลอดภัยมากขึ้น ความไว้วางใจในผู้ประกอบการจึงจะเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจของนักท่องเที่ยว

          จากอนาคตฐานข้างต้น "จีน" จึงถือเป็นตลาดที่สำคัญที่สุดในเชิงยุทธศาสตร์การฟื้นฟูการท่องเที่ยวไทยในระยะสั้นและระยะกลาง 

ซึ่งการฟื้นฟูการท่องเที่ยวระยะสั้นของไทยต้องอาศัยการเจรจาระหว่างรัฐบาลอย่างเร่งด่วนกับจีนให้ยอมเปิดมณฑลที่ปลอดเชื้อโคโรน่าไวรัสกับจังหวัดที่ปลอดเชื้อแล้ว เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ ให้สามารถบินตรงและเข้ามาท่องเที่ยวใน Cluster ของจังหวัดที่ปลอดภัยแล้ว

สำหรับในภาคผู้ประกอบการ นัยเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญ ทั้งสำหรับนโยบายสาธารณะของรัฐบาลและการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการ คือการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูล นับตั้งแต่แพลตฟอร์มการจัดการข้อมูล (Data management platform) ไปจนถึงการสร้างขีดความสามาถในการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) ในด้านการท่องเที่ยวของไทย ผู้ประกอบการท่องเที่ยวต้องเป็นผู้ประกอบการดิจิทัลอย่างสมบูรณ์แบบ

ธุรกิจไม่ว่าจะเป็นขนาดไหนต้องพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ ให้สามารถใช้สื่อออนไลน์นำสินค้าที่เป็นผลมาจากจุดเด่นในพื้นที่ (Asset on location) ของตนที่ขณะนี้เป็นสินค้าและบริการที่ขายให้ลูกค้าครั้งเดียวจบ (One time product) ให้เป็นสินค้าที่ขายได้อย่างต่อเนื่องทุกเวลา (All time product) ซึ่งสามารถขายได้ไม่จำกัดว่านักท่องเที่ยวจะมาเยือนหรือไม่

แม้แต่โรงแรมอาจต้องเปิดคอร์สสอน Online fine dining ตั้งแต่การจัดโต๊ะอาหารแบบไฮโซจนถึงการเสิร์ฟเครื่องดื่มชนิดต่างๆ รวมทั้งขายอาหารสำเร็จรูปด้วย สำหรับลูกค้าที่เคยมาเที่ยวแล้วติดใจในรสมือและบริการของเชฟโรงแรม

ธุรกิจท่องเที่ยวต้องลงทุนหรือมีพันธมิตรเพื่อประดิษฐ์สร้างสินค้าและบริการที่หลากหลาย และนำเสนอได้ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ อาศัยนักท่องเที่ยวเป็นเอเย่นต์ที่จะเผยแพร่สินค้าไทยในต่างประเทศ

อย่างไรก็ดี อนาคตฐานที่วาดภาพไว้อาจไม่ใช่อนาคตที่พึงประสงค์ โดยเฉพาะในประเด็นความเสื่อมโทรมของทรัพยากร คราวถัดไปเราจะลองดูฉากทัศน์อื่นๆ ที่เป็นไปได้ในอนาคตว่าเราสามารถเลือกทางเดินอะไรได้บ้าง.