หนีไม่พ้น
'หนีไม่พ้น' โดยปกติถ้าได้ยินคำๆ นี้มักทำให้นึกถึงความตาย หากแต่ปัจจุบันการมีลมหายใจก็เป็นอะไรที่ทำให้เราหนีไม่พ้นจากฝุ่นละอองขนาดเล็กเช่นกัน
บทความโดย ดร.อาณดา พฤฒิอางกูร
การที่เราหายใจทำให้เรารับเอาฝุ่น PM2.5 หรือฝุ่นขนาดเล็กที่มีขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน ซึ่งปนเปื้อนสารพิษชนิดต่างๆเข้าสู่ร่างกาย ฝุ่นเหล่านี้เข้าสู่ร่างกายได้ง่ายเพราะร่างกายไม่มีกลไกในการกรองฝุ่นที่มีขนาดเล็กขนาดนี้ แต่ฝุ่นเหล่านี้ออกจากร่างกายได้ไม่ง่าย เราหายใจเข้ารับเอาฝุ่นเข้าสู่ร่างกายของเราอย่างต่อเนื่องจาก ชั่วโมง เป็นวัน เป็นเดือน เป็นปี และเป็นหลายปี ปริมาณและระยะเวลายาวนานในการสะสมย่อมทำให้ฝุ่นเหล่านี้ก่อผลเสียกับร่างกาย ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อทั้งชีวิตและสุขภาพ
ปัญหาฝุ่น PM2.5 ในประเทศไทยมีมานานมากกว่า 20 ปีจากการสำรวจของ GISTDA โดยอาศัยภาพถ่ายดาวเทียม เพียงแต่ปัญหานี้ทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจนเป็นปัญหาที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าและรับรู้ได้ด้วยความผิดปกติของสุขภาพในหลายๆด้านแต่ละคนแตกต่างกันไป ปัญหาฝุ่น PM2.5 จึงเริ่มได้รับความสนใจมากขึ้นและได้รับการยอมรับว่าเป็นปัญหาที่มีอยู่จริง
องค์การอนามัยโลก (WHO -World Health Organization) ประมาณการว่ามีประชากร 7 ล้านคนในทุกปีที่เสียชีวิตจากฝุ่น PM2.5 ฝุ่นละอองขนาดเล็กนี้จะก่อให้เกิดโรคต่างได้มากมายไม่ว่าจะเป็น โรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจ โรคมะเร็งปอด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคการติดเชื้อทางเดินหายใจและโรคปอดบวม เป็นต้น ปัจจุบันจำนวนของผู้เสียชีวิตก่อนวัยอันควรเนื่องจากฝุ่น PM2.5 ในประเทศไทยนั้นยังคงต้องทำการศึกษาเพิ่มเติม เนื่องจากสาเหตุในการเสียชีวิตของผู้ป่วยอาจถูกระบุเป็นสาเหตุสุดท้ายที่ก่อให้เกิดการเสียชีวิตมากกว่าเหตุจากฝุ่นสะสมที่ก่อให้เกิดโรคนั้นๆ อย่างไรก็ตามการศึกษาจำนวนของผู้เสียชีวิตก่อนวัยอันควรเนื่องจากฝุ่น PM2.5 ในต่างประเทศสามารถนำมาอ้างอิงให้เกิดประโยชน์กับเราได้
จาก 2018 World Air Quality Report โดย IQAir AirVisual ในปี 2561 ค่าเฉลี่ยความเข้มข้น PM 2.5 ของประเทศไทย 26.4 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (µg /m³) ซึ่งเป็นค่าที่มากกว่าสองเท่าของสหรัฐอเมริกาคือ 9.1 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
การที่ประเทศไทยมีมลพิษทางอากาศมากกว่าสหรัฐอเมริกามากนั้น ผลกระทบของมลพิษต่อประชากรไทยและมูลค่าความเสียหายย่อมต้องมากกว่าของสหรัฐอเมริกามากด้วยเช่นกัน ยิ่งถ้ามีการนำเอาความหนาแน่นของประชากรเข้ามาร่วมพิจารณาด้วยแล้วมูลค่าความเสียหายอาจจะยิ่งมากขึ้นไปอีก เนื่องจากประเทศไทยมีความหนาแน่นของประชากรมากกว่าสหรัฐอเมริกา กล่าวคือความหนาแน่นของประชากรในประเทศไทยคือ 137 คนต่อตารางกิโลเมตร ในขณะที่ สหรัฐอเมริกาคือ 36 คนต่อตารางกิโลเมตร
จาก 2020 World Air Quality Report มลพิษทางอากาศในปีที่แล้วดีขึ้นจากปี 2561 เนื่องจากสถานการณ์โรคระบาด Covid-19 ที่มีผลทำให้กิจกรรมต่างๆลดน้อยลง แต่อย่างไรก็ตามค่าเฉลี่ยความเข้มข้น PM 2.5 ของประเทศไทยยังคงมีค่ามากกว่าสองเท่าของสหรัฐอเมริกาอยู่เช่นเดิม ถึงในปัจจุบันปัญหาจะเป็นที่ตระหนักและได้รับความสนใจแต่ก็ยังไม่ได้รับการแก้ปัญหาอย่างเพียงพอ
กระแสลมยังเป็นสิ่งที่ทำให้มลพิษทางอากาศลดลงได้อย่างมีนัยสำคัญที่สุด แต่เมื่อไม่มีลมฝุ่นก็กลับมาสะสมอีก หรือเมื่อลมเปลี่ยนทิศพัดพาฝุ่นจากประเทศอื่นๆมา ปัญหาฝุ่นก็จะทวีความรุนแรงขึ้น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้คือหนึ่งในภูมิภาคที่ประสบปัญหามลพิษทางอากาศสูงสุด ปัญหาฝุ่น PM2.5 ในระดับภูมิภาคควรได้รับการบริหารจัดการไปพร้อมๆกันซึ่งอาจต้องอาศัยเวลาในการเจรจาสร้างความร่วมมือระหว่างกัน แต่การควบคุมแก้ไขปัญหาภายในประเทศสามารถเริ่มดำเนินการได้ทันที
ต้นเหตุของปัญหาฝุ่น PM2.5 ภายในประเทศมาจาก การเผาไหม้ ไม่ว่าจะเป็น ไฟป่า การเผาในพื้นที่การเกษตร การเผาไหม้ของเชื้อเพลิงทั้งจากเครื่องยนต์ในการขนส่งและจากเครื่องจักรในภาคอุตสาหกรรม มีเพียงการก่อสร้างที่ปัญหาฝุ่นมาจากทั้งการเผาไหม้ของเครื่องจักรและวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างร่วมด้วย ประเทศไทยได้มีการพยายามแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ด้วยการทำฝนเทียม การฉีดน้ำ การทำความสะอาดถนน การลดการจราจรของรถยนต์ขนาดใหญ่ และการระงับการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ชั่วคราวในขณะที่มีการสะสมของฝุ่นหนาแน่น ซึ่งวิธีการเหล่านี้ไม่ได้ผลมากนักเนื่องจากเป็นการแก้ปัญหาและพยายามดักจับฝุ่นหลังจากที่ฝุ่นมลพิษได้ฟุ้งกระจายออกไปทั่วแล้ว
การแก้ปัญหามลพิษทางอากาศที่ฟุ้งกระจายทั่วไป เป็นสิ่งที่ทำได้ยากทั้งมีค่าใช้จ่ายที่สูงยากที่จะก่อให้เกิดซึ่งประสิทธิภาพ การแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุจึงเป็นแนวทางการแก้ปัญหาที่ได้ผลและคุ้มค่ากว่ามาก เราควรจะหยุดที่จุดกำเนิดของการเผาไหม้ แก้ให้เกิดการเผาไหม้ที่สะอาด หรือกรองฝุ่นตั้งแต่ที่จุดกำเนิดก่อนที่จะมีการฟุ้งกระจายไปทั่ว จึงจะเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ
ถ้าเราทำอย่างนั้นได้หลายๆคนก็ไม่ต้องซื้อเครื่องฟอกอากาศ ไม่ต้องทานยาแก้แพ้ ไม่ต้องไปพบแพทย์ และไม่ต้องเสียชีวิตก่อนวัยอันควร มูลค่าของชีวิต ค่าใช้จ่ายในการรักษา ค่าใช้จ่ายในการพยายามแก้ไขและบรรเทาปัญหามลพิษ และผลกระทบทางเศรษฐกิจรวมกันเป็นมูลค่ามหาศาล มากเกินพอที่ควรก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
หลายประเทศได้ให้ความสำคัญและเอาจริงเอาจังกับการแก้ปัญหามลพิษทางอากาศกันมากขึ้น มีการนำมาตรการต่างๆออกมาใช้เพื่อแก้ไขปัญหา ซึ่งนั่นรวมถึงประเทศจีนประเทศที่เคยประสบปัญหามลภาวะอย่างหนักมากด้วย ประเทศจีนหลังจากที่มีการดำเนินการแก้ไขอย่างจริงจังก็เห็นผลดีขึ้นอย่างรวดเร็ว สามารถลดปริมาณมลภาวะได้อย่างมีประสิทธิภาพภายในระยะเวลาไม่นาน
ในเมื่ออย่างไรเราก็หนีไม่พ้นที่จะต้องหายใจ อยากและควรอย่างยิ่งที่จะได้หายใจอากาศสะอาดบริสุทธิ์ ทำอย่างไรเราจะได้หายใจอากาศสะอาดในอีกปีสองปีข้างหน้า ทำยังไง... ทำอย่างไร....