กลยุทธ์ลงทุนช่วงระดมฉีดวัคซีน

กลยุทธ์ลงทุนช่วงระดมฉีดวัคซีน

ความคืบหน้าของวัคซีนโควิด-19ในประเทศไทย เป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างความหวังเป็นอย่างมากให้กับนักลงทุนไทย

 ทั้งจากกำหนดการเดิมที่จะระดมฉีดวัคซีนล็อตใหญ่ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. และการที่มีองค์กรอื่นเป็นช่องทางใหม่ในการเร่งนำเข้าวัคซีนยี่ห้ออื่นๆ เพิ่มเติมเข้ามาในประเทศไทยในไม่กี่เดือนข้างหน้า 

ประเด็นดังกล่าว ทำให้ดัชนีหุ้นไทยไต่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากระดับ 1,550 จุดในช่วงกลางเดือนพ.ค. 2564 กระทั่ง ขึ้นผ่านระดับ 1,600 จุดในต้นเดือนมิ.ย.จนขึ้นมาใกล้ 1,630 จุด ในช่วงวันที่ 4 ของการฉีดวัคซีนล็อตใหญ่ ที่มีความคืบหน้าอย่างมาก โดยทำได้ประมาณ 4 แสนโดสต่อวัน  ทำให้มียอดสะสมของการฉีดวัคซีนในประเทศแล้วกว่า 5 ล้านโดส 

ขณะนี้ สำนักวิเคราะห์การลงทุนเกือบทุกแห่ง (หรืออาจจะทุกแห่ง) ได้แนะนำ Theme หุ้นเปิดเมืองเปิดประเทศ รองรับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เช่น เดียวกับนักลงทุนก็ได้เข้าเลือกซื้อหุ้นในแนวคิดดังกล่าวกันถ้วนหน้า ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทย ไต่ขึ้นไปแบบ Sideways up คือมีสลับปรับตัวนิดหน่อยสำนักวิเคราะห์มองแนวต้านถัดไปที่ 1,640 บ้าง 1,650 บ้าง หรือ 1,670 จุดตามลำดับ 

ผมคิดว่า การกระจายเงินลงทุนในหุ้นไทย น่าจะอยู่ที่ราว 25% ส่วนหุ้นต่างประเทศ ยังเป็นที่ 20% ต่อไป เนื่องจากประเทศสำคัญของโลกมีแววการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้เร็ว จากการระดมฉีดวัคซีนไปได้สูงมาก ทั้งสหรัฐฯ ยุโรป และจีน  ส่วนกองทุนทองคำหรือทองคำแท่งนั้น ระดับ 12% ของพอร์ต และที่เหลือราว 43% จะเป็นกองทุนของพันธบัตร และหุ้นกู้เครดิตสูง เป็นการกระจายเงินไว้คอยสลับหาจุดหมุนเวียนซื้อเมื่อลงมาก และทำกำไรเมื่อขึ้นยาวต่อไป 

ที่จริงตลอดกว่า 1 ปีมานี้ หุ้นและทอง น้ำมัน รวมถึงบิตคอยน์ มีลักษณะการผลัดกันขึ้นยาว และลงแต่ไม่ถึงจุดต่ำสุดเดิม เช่น ช่วงหนึ่งหุ้นเทคโนโลยีขึ้นยาว ขณะที่หุ้นธุรกิจเดิมที่ผันตามภาวะเศรษฐกิจกลับปรับลง แต่มาถึงเมื่อต้นปีก็เริ่มสลับข้างกัน หรือจังหวะเมื่อต้นปี ทองคำร่วงยาว แต่ 3 เดือนล่าสุดทองวิ่งขึ้นเร็วมากเป็นต้น  

ผู้ที่กระจายสินทรัพย์ หรือ Theme หุ้น ไว้หลายแบบในปีนี้ น่าจะมีค่าเฉลี่ยที่ไม่สวิงมาก และพอร์ตรวมน่าจะเป็นบวกขึ้นไปเป็นลำดับ โดยเฉพาะการได้สลับมาช้อนรับ Theme หุ้นที่ปรับตัวลงมามากได้เกือบทุกจังหวะไป 

ผมคิดว่า อาจต้องใช้วิธีนี้ต่อไปอีกสักพักครับ เพราะนอกจากแรงเข็นด้านบวกจากวัคซีนช็อตใหญ่แล้ว ก็มีแรงต้านด้านลบ จากความวิตกว่าธนาคารกลางของสหรัฐฯ จะเริ่มลดมาตรการ QE เมื่อใดจากปัจจุบันที่เฟดทำ QE อย่างน้อย 1.แสนล้านดอลลาร์/เดือน และจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยปลายปีนี้หรือไม่ นอกจากนั้น ไทยเราเอง อาจต้องคอยสังเกตุตัวเลขผู้ติดเชื้อว่า คุมอยู่หมัดได้จริงไหม รวมทั้งปริมาณและคุณภาพวัคซีนไม่สะดุดติดขัดจากที่คาดการณ์กัน  

สำหรับหุ้นไทยนั้น มีหลายหุ้นใน Theme รอเปิดเมืองที่อนาคตดี แต่ราคายังไม่ได้ตามขึ้นไป ทั้งในหมวดพลังงาน สนามบิน ขนส่ง ธนาคาร หรือสื่อสารก็ตาม ผมแนะนำให้เข้าดู IAA Consensus มีข้อมูลสรุปการประเมินมูลค่าเทียบกับราคาวันล่าสุด ของสมาคมนักวิเคราะห์ฯ หรือตาม Link นี้ https://www.settrade.com/settrade/iaaConsensus 

162333425186

 

 ท้ายนี้ ฝากข่าวสมาคมถึงนักวิเคราะห์ฯ และผู้แนะนำการลงทุน ชวนเข้าอบรมออนไลน์นับชั่วโมงต่อใบอนุญาต จัดวันที่ 7-8 ส.ค. 64 หัวข้อ การกระจายการลงทุน ลงทุนแนว ESG การบังคับใช้กฎหมายในตลาดทุน และวางแผนภาษีลงทุน โทร 02-009-9292 ต่อ 3717 

 พบกันใหม่เดือนหน้าครับ