มองบรรดามหาเศรษฐี
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เซอร์ริชาร์ด บรอนสัน สร้างข่าวใหญ่มากจากการเดินทางด้วยยานอวกาศขนาดเล็กออกไปนอกโลกเป็นเวลาราว 8 นาที
ดังเป็นที่ทราบกันดี มนุษย์เราเดินทางออกไปนอกโลกได้ตั้งแต่ปี 2504 เมื่อยูรี กาการิน แห่งอดีตสหภาพโซเวียตเป็นมนุษย์อวกาศคนแรก ตามด้วยชาวอเมริกันชื่ออะลัน เชปปาร์ดภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ ความแตกต่างระหว่างการเดินทางของมนุษย์อวกาศดังกล่าวกับเซอร์ริชาร์ดได้แก่พวกเขาเดินทางด้วยยานอวกาศที่สร้างขึ้นตามโครงการของรัฐ ส่วนเซอร์ริชาร์ดสร้างยานอวกาศขึ้นด้วยเงินของตัวเอง
ผู้ติดตามความเป็นไปด้านการเดินทางสู่อวกาศย่อมทราบแล้วว่า สัปดาห์หน้ามหาเศรษฐีลำดับต้นของโลก เจฟฟ์ เบซอส จะเดินทางออกไปนอกโลกด้วยยานอวกาศของตัวเองเช่นกัน อันที่จริงนายเบซอสหวังจะเป็นคนแรกที่ทำเช่นนั้น แต่เมื่อเขากำหนดวันออกมาล่วงหน้าเป็นเวลานาน เซอร์ริชาร์ดซึ่งมียานอวกาศของตนเองอยู่แล้วจึงรีบชิงเดินทางก่อน 9 วัน หากนายเบซอสไม่เปลี่ยนใจหลังถูกตัดหน้าไปเช่นนั้น วันอังคารหน้า เขาจะเดินทาง
นอกจากเซอร์ริชาร์ดและนายเบซอสแล้ว ในขณะนี้ยังมีมหาเศรษฐีอีลอน มัสค์ เป็นผู้แข่งขันสร้างยานอวกาศอีกคนหนึ่งด้วย มหาเศรษฐี 3 คนนี้มีความฝันมานานและเริ่มสนับสนุนการค้นคว้าหาทางออกไปนอกโลกโดยยานพาหนะของตนเองมาเป็นเวลาใกล้ 20 ปี พวกเขาและชาวโลกอีกจำนวนมากมองว่าการเดินทางออกไปนอกโลกรวมทั้งไปยังโลกอื่นเป็นความท้าทายใหม่ของมนุษยชาติ บางคนมองต่อไปถึงการไปนำทรัพยากรจากโลกอื่นมาใช้แทนทรัพยากรของโลกที่ร่อยหรอลงและบางคนมองว่าต้องไปแสวงหาโลกใหม่อยู่เพื่อหนีความวุ่นวายของโลกใบนี้ซึ่งอาจเกิดสงครามล้างโลกขึ้นได้ในวันหนึ่งข้างหน้า อย่างไรก็ดี มีเพียง 3 คนนี้เท่านั้นที่มีทั้งทรัพย์สินและความกล้าที่จะเสี่ยงลงทุน
การเดินทางออกนอกโลกของเซอร์ริชาร์ดและนายเบซอสอยู่ในขั้นทดลอง ขั้นต่อไปได้แก่การพัฒนายานพาหนะของพวกเขาให้ก้าวหน้าจนสามารถรับผู้โดยสารออกไปสัมผัสภาวะร่างกายไร้น้ำหนักนอกโลกได้ ณ วันนี้ มีผู้สนใจเริ่มจองที่นั่งกันแล้ว รายงานของสื่อบ่งว่า ราคาประมูลที่นั่งดังกล่าวตกในราว 3 ล้านดอลลาร์ ในช่วงเริ่มต้นนี้ มหาเศรษฐีเท่านั้นจึงจะจองที่นั่งได้ ต่อไปคาดว่าราคาจะลดลง มีผู้คาดการณ์ว่าธุรกิจไปท่องเที่ยวนอกโลกจะขยายออกไปอย่างรวดเร็วจนเป็นกิจการที่มีมูลค่าปีละล้านล้านดอลลาร์ในเวลา 20 ปี การพัฒนาขั้นสุดท้ายคาดว่าจะได้แก่การเดินทางไปยังโลกอื่น
เรื่องราวของเซอร์ริชาร์ดเป็นข่าวพาดหัวขนาดใหญ่จนทำให้เรื่องการบริจาคเงินของ บิล เกตส์ถูกกลบเกือบหมด ในช่วงนี้ บิล เกตส์บริจาคให้แก่โครงการเพื่อช่วยเหลือชาวโลกของรัฐบาลอังกฤษที่กำลังจะถูกยุบ หรือลดขอบข่ายลงเนื่องจากรัฐบาลอังกฤษต้องเผชิญกับโควิด-19 การบริจาคครั้งนี้เป็นไปในแนวเดียวกับการบริจาคให้แก่องค์การอนามัยโลกเพื่อทดแทนส่วนที่รัฐบาลอเมริกันในสมัยนายโดนัลด์ ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีงดจ่ายให้องค์การนั้นเพราะไม่สนับสนุนจุดยืนของนายทรัมป์ซึ่งมองว่าองค์การอนามัยโลกเข้าข้างจีนเมื่อนายทรัมป์กล่าวหาว่าจีนเป็นต้นตอของโควิด-19
ในช่วงเวลาที่เชื้อโรคร้ายกำลังทำลายมนุษยชาติอยู่นี้ มหาเศรษฐีมีปฏิกิริยาตอบสนองต่างกันโดยต่างคนต่างมุ่งมั่นเดินไปตามความคิดพื้นฐานของตน บางคนสละทรัพย์สินเพื่อช่วยเหลือชาวโลกมากขึ้น บางคนเชื่อว่าโลกนี้จะแก้ปัญหาได้มากหากสามารถส่งยานอวกาศไปนำทรัพยากรธรรมชาติมาจากโลกอื่นได้ บางคนคิดว่าถ้าสามารถใช้ยานอวกาศพาชาวโลกไปลงหลักปักฐานอยู่บนโลกอื่นได้ ปัญหาทั้งหลายจะหมด มหาเศรษฐีเหล่านี้มีความปราดเปรื่องสูงและเชื่อมั่นในการใช้เทคโนโลยีแก้ปัญหา แต่พวกเขาดูจะไม่เฉลียวใจเลยว่า ปัญหาในโลกของเรานี้ส่วนมากมีต้นตออยู่ที่ตัณหาของพวกเขาและเหล่ามนุษย์ชาติส่วนใหญ่ที่เอื้อให้พวกเขาเป็นมหาเศรษฐี เนื่องจากทางแก้ปัญหาที่พวกเขาเสนอมิได้วางอยู่บนฐานของการขจัดต้นตอนั้น มันจึงมิใช่ทางสู่ความสำเร็จ.