COVID-19 Vaccination
เดือนมิ.ย.เป็นต้นมา ยอดผู้ติดเชื้อ COVID-19 ทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากการระบาดของ COVID-19 สายพันธุ์ใหม่
หลายประเทศพยายามกระจายวัคซีนให้ได้มากที่สุดโดยเฉพาะในทวีปอเมริกาและยุโรป เช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา อังกฤษ สเปน และโปรตุเกส เนเธอแลนด์ ฟินแลนด์ นอกจากนี้อิสราเอล ซาอุดิอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีสัดส่วนประชาการที่ได้รับวัคซีนจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่ประเทศที่ประชากรได้รับวัคซีนแล้วนั้น จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันลดลงและอัตราการเสียชีวิตลดลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ Bloomberg รายงานว่า ขณะนี้การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในแถบอาเซียนมีความรุนแรงที่สุด มีอัตราการเสียชีวิตสูง การแพร่กระจายของ Delta variant เป็นไปอย่างรวดเร็วและการกระจายวัคซีนล่าช้า โดย Bloomberg ได้ปรับประมาณการณ์การเติบโตของ GDP ของประเทศอินโดนีเซีย ไทยและฟิลิปปินส์ลงแล้ว
ในปีนี้การผลิตวัคซีนยังคงไม่เพียงพอต่อปริมาณความต้องการทั่วโลกที่มากถึง 15,000 ล้านโดส โดยปริมาณวัคซีนจะเพียงพอต่อความต้องการภายในปี 2565 เนื่องจากการเพิ่มกำลังการผลิตและการมีวัคซีนตัวใหม่ เช่น Bharat Biotech และ Zydus Cadila จากอินเดีย Novavax จากสหรัฐอเมริกาและ CureVac จากเยอรมนี หากพิจารณาจากยอดจองวัคซีน พบว่า วัคซีนที่มียอดจองสูงที่สุด 5 อันดับแรกประกอบด้วย Oxford/AstraZeneca เป็นวัคซีนชนิดใช้ไวรัสเป็นพาหะ, Novavax เป็นวัคซีนที่ทำจากโปรตีนส่วนหนึ่งของเชื้อ, Pfizer เป็นวัคซีนชนิดสารพันธุกรรม หรือ mRNA, Sanofi/GSK เป็นวัคซีนชนิดใช้ไวรัสเป็นพาหะและ Moderna เป็นวัคซีนชนิดสารพันธุกรรม หรือ mRNA ตามลำดับ โดย Novavax และ Sanofi/GSK ยังอยู่ในขั้นตอนการทดลองระยะที่ 3
การศึกษาการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในต่างประเทศ พบว่า หลังจากที่ COVID-19 เริ่มระบาด จะใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน กว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะถึงจุดสูงสุด และหลังจากการกระจายวัคซีนให้แก่ประชากรมากกว่า 40% การติดเชื้อรายวันจะลดลงเหลือ 1 ใน 3 ของจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันสูงสุด อิสราเอลใช้เวลา 2 เดือนกว่า จำนวนผู้ติดเชื้อจะถึงจุดสูงสุด โดยฉีดวัคซีน Pfizer และ Moderna ใช้เวลา 2 เดือนตัวเลขผู้ติดเชื้อในประเทศจึงลดลงเหลือ 1 ใน 3 ขณะนี้มีผู้ได้รับวัคซีนแล้วกว่า 60%, สหรัฐอเมริกาใช้เวลา 3 เดือนกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะถึงจุดสูงสุด โดยฉีดวัคซีน Pfizer, Moderna และ J&J โดยใช้เวลา 1 เดือนตัวเลขผู้ติดเชื้อในประเทศจึงลดลงเหลือ 1 ใน 3 ขณะนี้มีผู้ได้รับวัคซีนแล้วกว่า 50%, อังกฤษใช้เวลาประมาณ 3 เดือนกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะถึงจุดสูงสุด โดยฉีดวัคซีน AstraZeneca, Pfizer และ Moderna โดยใช้เวลา 1 เดือนตัวเลขผู้ติดเชื้อในประเทศจึงลดลงเหลือ 1 ใน 3 ขณะนี้มีผู้ได้รับวัคซีนแล้วกว่า 60%, เยอรมนีใช้เวลาประมาณ 2 เดือนจนกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะถึงจุดสูงสุด โดยฉีดวัคซีน AstraZeneca, Pfizer J&J และ Moderna โดยใช้เวลา 1 เดือนตัวเลขผู้ติดเชื้อในประเทศจึงลดลงเหลือ 1 ใน 3 ของจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันสูงสุด ขณะนี้มีผู้ได้รับวัคซีนแล้วกว่า 50% ขณะที่อินเดียใช้เวลาประมาณ 2 เดือนกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะถึงจุดสูงสุด โดยฉีดวัคซีน AstraZeneca และ Covaxin โดยใช้เวลา 1 เดือนตัวเลขผู้ติดเชื้อในประเทศจึงลดลงเหลือ 1 ใน 3 ขณะนี้มีผู้ได้รับวัคซีนแล้วมากกว่า 25% แม้จำนวนผู้ติดเชื้อในอินเดียจะลดลงมากแต่ยังคงอยู่ในระดับสูง แสดงให้เห็นว่าการกระจายวัคซีนยังไม่เพียงพอที่สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้ ขณะที่บราซิลใช้เวลานานถึง 5 เดือนกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะถึงจุดสูงสุด โดยมีการฉีดวัคซีน AstraZeneca, Pfizer และ Sinovac ขณะนี้มีผู้ได้รับวัคซีนแล้วกว่า 40% แต่ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันไม่ลดลง ในประเทศไทยจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันยังไม่ถึงจุดสูงสุดแม้มีการแพร่ระบาดของ COVID-19 มาแล้วกว่า 2 เดือน ขณะนี้มีผู้ได้รับวัคซีนแล้วน้อยกว่า 15% หากนำข้อมูลจากต่างประเทศมาวิเคราะห์ จึงต้องติดตามว่าผู้ติดเชื้อรายวันของไทยจะถึงจุดสูงสุดในเดือนสิงหาคมหรือไม่ ซึ่งก็จะใช้เวลาแพร่ระบาดรอบใหม่ประมาณ 3-4 เดือน หากต้องการลดจำนวนของผู้ติดเชื้อรายวันสู่ระดับ 1 ใน 3 ในเวลา 1-2 เดือน น่าจะต้องมีการกระจายวัคซีนให้ได้มากกว่า 40% ของจำนวนประชากร
การแพร่ระบาดของ COVID-19 มีผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา อังกฤษ เยอรมนีและอินเดีย ปรับตัวลงในช่วงเริ่มต้นของการแพร่ระบาดเท่านั้น หลังจากนั้นแม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ตลาดหุ้นก็สามารถปรับตัวขึ้นได้ดี เนื่องจากตลาดหุ้นมักตอบสนองเชิงลบต่อตัวเลขการระบาดของ COVID-19 เฉพาะในช่วงแรกที่การระบาดเริ่มรุนแรง แต่หลังจากนั้น เมื่อตลาดหุ้นซึมซับข่าวร้ายไปแล้ว ตลาดหุ้นจะค่อย ๆ ฟื้นตัว โดยเฉพาะเมื่อภาครัฐมีการออกมาตรการควบคุมการระบาดมากขึ้นหรือมีการกระจายวัคซีนมากขึ้น เพราะคาดหวังการลดความรุนแรงของการระบาดในระยะถัดไป และการเปิดให้ทำกิจกรรมการทางเศรษฐกิจหลังจากนั้น ในขณะที่เรายังไม่เห็นว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ถึงจุดสูงสุดแล้วหรือไม่ ตลาดน่าจะมีการแกว่งตัวในช่วงแคบและมีปริมาณการซื้อขายน้อยลง เนื่องจากนักลงทุนจะรอดูการคลี่คลายของสถานการณ์ก่อน แต่หากตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลง ตลาดหุ้นน่าจะเริ่มมีการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งตลาดหุ้นไทยน่าจะผ่านจุดตื่นตระหนกสูงสุดไปแล้ว หากตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ถึงจุดสูงสุดและเริ่มลดลง หรือการฉีดวัคซีนมีความคืบหน้ามากขึ้น น่าจะส่งผลให้ตลาดหุ้นฟื้นตัวได้ดี จากความคาดหวังในเรื่องการเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยวและการเปิดกิจกรรมการทางเศรษฐกิจตามปกติ เมื่อจำนวนผู้ติดเชื้อลดลง