หุ้น 1,550 จุด สะดุดอะไร
ดัชนีราคาหุ้นไทย ผันผวนขึ้นๆลงๆมาหลายสัปดาห์ โดยช่วงที่ปรับลงจากความกังวลเรื่องผู้ติดเชื้อรายวันพุ่งถึงวันละ 20,000 คน
ดัชนีหุ้นไทยต่ำสุดในระหว่างวันถึง 1,513 จุด ใกล้จุดที่ผมได้นัดแนะไว้เมื่อเดือนก่อนว่า ที่ 1,512 จุดจะเป็นจุดเพิ่มการลงทุนหุ้นไทยจาก 25% เป็น 30% ของพอร์ต
ผลจากยอดโควิด-19ของเราพุ่งทะยาน ทำให้ต้องมีมาตรการล็อกดาวน์ และการที่เรามีวัคซีนไม่เพียงพอ ทำให้สำนักวิเคราะห์เศรษฐกิจ ทยอยปรับลดคาดการณ์เติบโตของ GDP ปีนี้เหลือต่ำกว่า 1% ส่วนปี 2565นั้น ผมเห็นมีการปรับลดด้วย เช่น แบงก์ชาติปรับปี 2565 เหลือ 3.7%
นอกเหนือจากประเด็นข้างต้นแล้ว ในประเทศของเรา ยังมีปัจจัยอื่นที่ไม่เสริมให้ราคาหุ้นวิ่งขึ้นได้ทันตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในต่างประเทศ เช่น
- แบงก์ชาติอาจจะลดดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุม 1-2 ครั้งหน้า ที่จริงนั้น การลดอัตราดอกเบี้ย ตามทฤษฎีควรเป็นผลบวกต่อมูลค่าหุ้น แต่ในปัจจุบัน นักลงทุนมองว่าสภาพเศรษฐกิจย่ำแย่กว่าที่จะกระตุ้นให้ฟื้นได้ด้วยการลดดอกเบี้ยนิดเดียว แต่กลับกังวลว่า จะไปลดทอนการทำกำไรของธนาคารลง
- ความเสี่ยงทางการเมือง
- แนวคิดการเก็บภาษีการซื้อขายหุ้นในอัตรา 0.11% ที่ยังต้องติดตาม
- บาทอ่อนค่าลงมาก ในช่วงที่ยังไม่แข็งกลับให้เห็น ผู้ลงทุนต่างชาติก็ยิ่งกังวลว่าอาจขาดทุนเพิ่ม ขณะที่คนไทยกลับยิ่งสนใจย้ายไปลงทุนหุ้นต่างประเทศมากขึ้น เพราะนอกจากจะขึ้นได้ดีกว่าไทย ยังได้กำไรเพิ่มจากบาทอ่อน
- นักลงทุนต่างชาติขายมาอย่างต่อเนื่อง
- ท่าทีของ FED ที่จะลดมาตรการ QE ในระยะข้างหน้า จับตาการประชุมที่แจ็กสันโฮลด์ 26-28ส.ค. นี้ให้ดี
ช่วงเดือนสิงหาคมนี้จึงเป็นช่วงที่หุ้นไทยมีตุ้มเหล็กถ่วงขา กระโดดขึ้นลำบาก ยากจะตามทันหุ้นต่างประเทศที่เศรษฐกิจดีกว่ามาก หุ้นสหรัฐ หุ้นยุโรป หรือกระทั่งหุ้นเวียดนาม ขึ้นได้เร็วกว่าส่วนหุ้นไทย วานนี้ขึ้นถึง 1,550 จุด ก็มีแนวต้านที่ 1,549 จุด (เส้น 25 วัน) และมีแนวต้านถัดไปใหญ่กว่าอยู่ที่ 1,574 จุด (เส้น 75 วัน)
ผมดูแล้ว เดือนนี้ยังมีโอกาสอ่อนไปใกล้ระดับ 1,512 จุด ที่ผมใช้สมมติฐานกำไรของบริษัทจดทะเบียนเฉลี่ยที่ 75 บาทต่อหุ้น และใช้ P/E เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่ 20.16 เท่า ได้ค่าเหมาะสมที่ 1,512 จุด และอาจต้องเผื่อกรณีประเด็นลบที่เกริ่นข้างต้นมาพร้อมๆกันหลายปัจจัย กรณีตลาดตื่นกลัว P/E ก็พร้อมลดลงอีก 1 เท่า เหลือ 19.16 เท่า ซึ่งเท่ากับระดับ 1,456 จุด
หากคุณผู้อ่านยังมีหุ้นไทยน้อย ตามแนวที่ผมเขียนบทความเดือนก่อน ที่ให้กระจายพอร์ตเป็นหุ้นไทย25% (และเติมเป็น30%ที่1512จุด), กองทุนหุ้นต่างประเทศซึ่งต้องมีหุ้นสหรัฐด้วย 20% มีทองคำ10% (เดิม12% แต่เรานัดกันทำกำไรที่ 28,000 บาทไป 2%ในเดือนก่อน) และมีเงินในกองพันธบัตร 40-45% แบบนี้เรามีกระสุนเยอะ
ผมยังแนะให้มีหุ้นไทยเพิ่มเป็น 30% ที่ระดับ 1,512 จุด และหากมีจังหวะตื่นกลัว รั่วลงไปถึง 1,456 จุดแนะให้เพิ่มหุ้นไทยเป็น 35% โดยเลือกหุ้นที่น่าสนใจ (ซึ่งท่านต้องไปดูรายละเอียดบทวิเคราะห์รายหุ้นเพื่อตัดสินใจอีกครั้ง) ในกลุ่มดังนี้
- หุ้นในกลุ่มธุรกิจส่งออก น่าสนใจเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวแข็งแรงกว่าในประเทศมาก ประกอบกับค่าเงินบาทอ่อนค่ามาก ทำให้ผลกำไรธุรกิจเบิกบาน หุ้นส่งออก มีทั้งกลุ่มอาหารและเกษตร กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (ยกเว้นตัวที่ปีก่อนวิ่งขึ้นกว่า 10 เท่า) ชิ้นส่วนยานยนต์
- หมวดโรงพยาบาล ช่วงปีก่อนเหนื่อย เพราะคนไข้หลบหมอ กลัวโควิด แต่ปีนี้ระบาดหนักจนต้องวิ่งเข้าโรงพยาบาลเพื่อขอตรวจโควิด-19 ฉีดวัคซีน ซื้อวัคซีนทางเลือก หรือวิ่งขอเตียงเพราะเตียงขาดแคลน ทำให้ธุรกิจโรงพยาบาลกลับมาดี อีกทั้งหากปีหน้าโควิดผ่านไปแล้วคนไข้ก็คงไม่พ้นต้องกลับมาตรวจรักษาโรคปกติที่เคยหลบหน้าหมอไปนาน
- หมวดที่ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยดี คือธนาคาร และยิ่งคาดว่าแบงก์ชาติอาจลดดอกเบี้ยอีกทำให้กำไรช่วงสั้นดูบางลง แต่นักวิเคราะห์ทุกสำนักเห็นตรงกันว่า ราคาต่ำกว่ามูลค่าปัจจัยพื้นฐานมาก จึงเป็นโอกาสเก็บหุ้นเหล่านี้ในยามที่ตลาดหุ้นลงไปใกล้ 1,512 จุด
- แถมเรื่องทองคำหากลงถึง 26,800 บาท แนะให้ช้อนกลับ เติมพอร์ตจาก 10% เพิ่มเป็น 12% ของพอร์ตครับ
พบกันใหม่เดือนหน้าครับ