อยู่ให้เนียน.. กับโควิดอย่างไรให้รอดทั้งชีวิตและธุรกิจ ?

อยู่ให้เนียน.. กับโควิดอย่างไรให้รอดทั้งชีวิตและธุรกิจ ?

เมื่อโควิด-19 จะอยู่กับเราอีกนาน แต่ก็คิดว่าอาจมีบางท่านที่เคยคิดและยังหวังว่า โควิดจะหมดไปจากโลกนี้และค่อยๆ หมดไปจากประเทศไทย.... ลืมไปได้เลยครับในเรื่องนี้ เพราะโควิดเป็นมิตร (ร้าย) ที่จะอยู่กับเราอีกนานหรือตลอดไป

Part1. โควิดเป็นมิตร (ร้าย)...ที่จะไม่จากไป

ผมเชื่อว่าหลายๆ ท่านรู้ว่าโควิดจะอยู่กับเราอีกนาน แต่ก็คิดว่าอาจมีบางท่านที่เคยคิดและยังหวังว่า โควิดจะหมดไปจากโลกนี้และค่อยๆ หมดไปจากประเทศไทย.... ลืมไปได้เลยครับในเรื่องนี้ เพราะโควิดเป็นมิตร (ร้าย) ที่จะอยู่กับเราอีกนานหรือตลอดไป..(Forever Covid)

Part2. ตัวเลขที่แท้จริง...ที่ไม่น่าแปลกใจ

ตัวเลขที่เป็นที่รับรู้กันมานาน และได้รับการให้ข่าวจากคุณหมออุดม ที่เป็นที่ปรึกษาของ ศบค.ว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อจริงๆ ให้คูณไปอีก 6 เท่า ด้วยหลักคิดจากโมเดลของอู่ฮั่นที่มาค้นพบภายหลังว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อจริงมีมากกว่าตัวเลขที่ตรวจพบ 6 เท่า

คุณหมออุดมยังประมาณว่าจากตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมในไทยอย่างเป็นทางการหนึ่งล้านสามแสนกว่าคน (ตัวเลข ณ.วันอาทิตย์ ที่12 กันยายน) ทำให้ประมาณการว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อจริงในไทย อยู่ที่กว่า 7 ล้านคน

หลายๆท่านคงไม่แปลกใจกับตัวเลขนี้ และผมเชื่อมานานแล้วว่าจำนวนผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการในประเทศมีจำนวนมาก ไม่แสดงอาการแต่.. แพร่เชื้อได้ ไม่แสดงอาการและค่อยๆหายไปเอง ไม่แสดงอาการแล้วค่อยมีอาการไม่มาก กินยาฟ้าทะลายโจรแล้วหายเป็นต้น

คนที่เราอยู่ด้วยคุยด้วยในทุกวันนี้อาจเป็น 1 ในผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการ ส่วนจะแพร่เชื้อมาสู่เราหรือไม่และเมื่อไหร่ไม่มีใครรู้ แต่ถ้าไม่มีโรคแทรกซ้อนรุนแรงอะไร เมื่อติดโควิดแล้วถ้าอายุไม่มาก ร่างกายแข็งแรงเชื้อยังไม่ลงปอด กินยาฟ้าทะลายโจรไม่กี่วันก็หายได้

Part3.ภาครัฐปรับยุทธศาสตร์ในเรื่องโควิด

เดิมภาครัฐตั้งเป้าไว้ว่าจะควบคุมและกำจัดให้เชื้อโควิดหมดจากประเทศให้ได้ แต่เมื่อดูจากสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว ในที่สุดภาครัฐก็ยอมรับว่าเป็นไปไม่ได้ และเปลี่ยนยุทธศาสตร์จากกำจัดให้หมดหรือควบคุมให้เหลือน้อยที่สุด เป็น... อยู่กับโควิดให้ได้ด้วยการเร่งสั่งซื้อ นำเข้าและฉีดวัคซีนให้มากที่สุดและให้แต่ละคนป้องกันตัวเองให้มากที่สุด

ข้อควรระวังคือ เมื่อภาครัฐจำเป็นต้องผ่อนคลายมาตรการ ก่อนที่เศรษฐกิจจะดิ่งเหวลึกลงไปกว่านี้. จำนวนผู้เดินทางระหว่างจังหวัด. จำนวนกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่กระตุ้นให้ผู้คนออกมา. จะเป็นตัวเร่งชั้นดีที่ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อกลับมาเพิ่มมากขึ้น

ภูเก็ต แซนด์บ๊อกซ์ ที่ภาครัฐหวังจะให้เป็นโมเดล ต้นแบบ เปิดรับการท่องเที่ยว มาวันนี้ (อาทิตย์ 11 กันยายน 64) ผู้ว่าภูเก็ตก็เปิดใจยอมรับสถานการณ์ว่า เริ่มวิกฤติ โดยผู้ว่าบอกว่าภูเก็ตในวันนี้ก็คล้ายกับสถานการณ์วิกฤติของกรุงเทพเมื่อสองเดือนที่แล้ว โดยที่ภูเก็ตวันนี้มีผู้ติดเชื้อวันละสองร้อยกว่าราย มีผู้เสียชีวิตทุกวัน และยังมีจำนวนผู้ป่วยรอเตียงไม่มีเตียงให้รักษาอีกหลายร้อยราย ทั้งที่ภูเก็ตฉีดวัคซีน 2 เข็มไปกว่า 70% ของประชากรไปแล้วก็ยังวิกฤติ

หลังจากนี้ก็อยู่ที่คำถาม...

Part4. เราจะทำธุรกิจโดยอยู่กับโควิดให้ธุรกิจรอดอย่างไร?

เรื่องแรกเลย...

ในส่วนของการป้องกันและควบคุม ในกรณีธุรกิจที่มีจำนวนพนักงานจำนวนมากทั้งในส่วนสำนักงานหรือโรงงาน มาตรการและค่าใช้จ่ายตรงส่วนนี้จะเป็นเรื่องเร่งด่วนและสำคัญควบคู่ไปกับการให้ทุกคนในบริษัทได้รับการฉีดวัคซีนอย่างน้อยสองเข็มให้เร็วที่สุด

เรื่องที่สอง..

ปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน การบริหารงาน ที่ผสมผสานระหว่าง

Work On Office ทำงานแบบเดิมในบริษัท

Work From Home พนักงานบางส่วน หรือหลายๆ ส่วน หมุนเวียนทำงานที่บ้าน

Work From Anywhere ใครสะดวกจะทำงานที่ไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นที่สำนักงาน หรือที่บ้าน ขอแค่มี Internet กับมือถือหรือแท๊ปเล็ตหรือโน้ตบุ๊กส์ ก็ทำงานได้

เรื่องที่สาม..

ที่มาของรายได้ จะมาจากธุรกิจแบบเดิม หรือเพิ่มเติมธุรกิจจใหม่หรือผสมผสาน อันนี้เป็นการบ้านของแต่ละบริษัทที่จะต้องวิเคราะห์ดูว่าจากสถานการณ์ปัจจุบันนี้ธุรกิจแบบเดิมยังพอไปได้หรือไม่?

Part5.เราจะใช้ชีวิตโดยอยู่กับโควิดให้มีชีวิตรอดอย่างไร?

รูปแบบการใช้ชีวิตจะส่งผลกระทบกับงานกับบริษัท ถ้าขาดความระมัดระวังจนติดเชื้อแล้วแพร่ไปสู่คนในครอบครัวและสถานที่ทำงาน การป้องกันตัวเองด้วยหน้ากาก ด้วยการล้างมือ ดูแลสุขภาพและมียาฟ้าทะลายโจรเตรียมไว้กินเมื่อเริ่มมีอาการ ก็น่าจะทำให้พอมีชีวิต “อยู่เป็นเพื่อนกับโควิด” ต่อไปได้!

และแน่นอน ฉีดวัคซีน ที่เป็นมาตรฐานใหม่ของการใช้ชีวิตในยุคนี้ ไม่งั้นจะไปไหนไปทำอะไรไปกินอะไรก็จะลำบากถ้า “ยังไม่ถูกฉีดให้ครบ!”

Part6. สุดท้าย...เหลือผู้ที่อยู่รอด

ถ้าไม่มีการกลายพันธ์และไม่มีการระบาดหนักๆอีกระลอกในประเทศในเร็วๆนี้ ผมเชื่อว่า หลายๆท่านน่าจะเริ่ม “ชินและชา” กับการอยู่กับโควิดมาในระดับหนึ่งแล้ว เหมือนที่เคยมีผู้กล่าวไว้ (ไม่ทราบนาม) “อะไรที่ฆ่าหรือทำลายเราไม่ได้...มันจะทำให้เราแข็งแกร่งยิ่งขึ้น!”

และผมเชื่อว่า ใคร (ในแง่ส่วนบุคคล) และธุรกิจใดที่ผ่านพ้นปีนี้ไปได้..เราๆ ท่านๆ จะแกร่งและรอดได้ในปีหน้าครับ