FOMO Economy ความเสี่ยงและโอกาส | ต้องหทัย กุวานนท์
FOMO ( Fear of Missing Out) ภาวะกดดันจากการกลัว “ตกเทรนด์” กำลังเกิดขึ้นกับองค์กรทั่วโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชีย ส่งผลต่อโมเดลธุรกิจและการตัดสินใจลงทุนของผู้บริหารองค์กร
หลายองค์กรตัดสินใจลงทุนในระดับพันล้านและได้รับไฟเขียวจากบอร์ดผู้ถือหุ้น ทั้งๆ ที่กลุ่มผู้บริหารระดับสูงเองก็ยังออกมายอมรับว่า อนาคตและความเสี่ยงของธุรกิจใหม่ยังยากจะคาดเดาได้
แต่การตัดสินใจเดินหน้าก็ยังดีกว่าการ “รอ” เพราะยุคของการลงทุนด้วยความกลัวความไม่แน่นอน FUD (Fear, Uncertainty, Doubt) ได้จบลงไปแล้ว ธุรกิจทุกวันนี้จำเป็นต้องอยู่ให้ได้ภายใต้โลกของ “ความไม่แน่นอน”
สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Covid-19, อัตราเร่งของปัญหาโลกรวน และการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของผู้บริโภคกลุ่ม GenZ และ Millenial ที่เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อหลักของธุรกิจทั่วโลก
ทำให้ผู้บริหารองค์กรต้องเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุน จากที่เคยให้ความสำคัญกับการลงทุนในธุรกิจที่สามารถคาดเดาได้แน่นอนว่าทิศทางของธุรกิจนั้นๆใน 10 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร มาเป็นการลงทุนในธุรกิจที่กำลังเปลี่ยนแปลงโลกอย่างชัดเจนในวันนี้
ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Crypto, Metaverse, และ Climate Tech กลายเป็นธุรกิจ FOMO ที่มีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้าอย่างไม่ขาดสาย
ข้อมูลจาก CB Insights ล่าสุดในไตรมาส 3 ของปีนี้ระบุว่า เงินลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Crypto/Blockchain เพิ่มสูงขึ้นจากปีที่ผ่านมาถึง 384% โดยมีมูลค่ากว่าหนึ่งหมื่นห้าพันล้านเหรียญ
ส่วนเงินลงทุนในแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซีเติบโตขึ้นถึงกว่า 2000% โดยการลงทุนสูงสุดอยู่ในภูมิภาคเอเชีย
ส่วนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ เมตาเวิร์ส Metaverse, Web 3.0 และ เทคโนโลยีโลกเสมือนจริงเช่น Hardware, Online Gaming, และ Network/Cloud ก็ถูกประเมินว่าจะมีมูลค่าตลาดแตะแปดแสนล้านเหรียญสหรัฐภายในอีก 3 ปีข้างหน้า
ทางฝั่งของ Climate Tech ก็ไม่น้อยหน้าด้วยมูลค่าการลงทุนที่แตะจุดสูงสุดที่สามหมื่นสองพันล้านเหรียญสหรัฐ และเติบโตขึ้น 5 เท่าหลังจากข้อตกลงปารีส
ถ้าเจาะดูทิศทางการลงทุนในรายภูมิภาค เอเชียกลายเป็นเป็นภูมิภาคที่มีการตื่นตัวในการลงทุนในธุรกิจสามกลุ่มหลักนี้อยู่ในระดับต้นๆของโลก กองทุนเทมาเส็กของสิงคโปร์ขึ้นแท่นเป็นผู้ลงทุนสูงสุดในธุรกิจคริปโท โดยลงทุนไปแล้วกว่าสิบบริษัทและล่าสุดอีกสี่ร้อยล้านเหรียญในกระดานเทรด FTX
ส่วนในประเทศไทยหลายองค์กรใหญ่เดินหน้า ลงทุนในแพลตฟอร์มคริปโท สร้างเครือข่ายพันธมิตรเพื่อรองรับการใช้งาน Digital Currency ข่าวการจับมือขององค์กรยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรม แบงค์ ค้าปลีก พลังงาน อสังหาริมทรัพย์ กับ แพลตฟอร์มคริปโทแทบจะเกิดขึ้นทุกวัน
ทางด้านของ Climate Tech สิงคโปร์และอินเดียก็ไต่ขึ้นมาอยู่ใน 10 อันดับโลกของประเทศที่ลงทุนในธุรกิจที่พัฒนานวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม เช่นเดียวกันกับเทรนด์ Metaverse ที่กองทุนใหญ่อย่าง Softbank รวมถึง Big Tech ในจีนอย่าง Tencent , Baidu และ Bytedance ก็รีบเร่งลงทุนในสตาร์ทอัพสาย VR/AR และ Gaming รวมถึง Hardware เพื่อเชื่อมต่อโลกเสมือนจริง
ความเคลื่อนไหวของการลงทุนแบบกลัวตกขบวนขององค์กรขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นในระยะนี้ เป็นสิ่งที่เราไม่ค่อยจะได้เห็นกันบ่อยนัก
หรือนี่จะเป็นสัญญาณบ่งบอกว่า โมเดลธุรกิจบนบนโครงสร้างระบบเศรษฐกิจเดิมกำลังเดินสู่จุดถดถอยด้วยอัตราเร่งที่รวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้
การแบกรับความเสี่ยงที่เกิดจากการลงทุนในมิติใหม่ๆ อาจจะเป็นเพียงโอกาสเดียวที่จำเป็นต้องรีบคว้า ก่อนที่จะสายเกินไป?
คอลัมน์ Business Transform: Corporate Future
ต้องหทัย กุวานนท์ หนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัทเอมสไปร์ Startup Mentor บริษัทที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์ธุรกิจและการบริหารนวัตกรรม