ปณิธานสีเขียว เพื่อโลกใบนี้ | พสุ เดชะรินทร์
เมื่อเข้าสู่ช่วงปีใหม่ ก็ถึงระยะเวลาที่จะตั้งปณิธานในวาระขึ้นปีใหม่ว่าในปี 2565 ที่กำลังจะถึงนั้นจะทำอะไรบ้าง ถ้าคำภาษาอังกฤษจะเป็นที่รู้จักกันดีในชื่อของ New Year Resolution ส่วนภาษาไทยผู้เชี่ยวชาญก็ได้คำแปลออกมาว่า ปณิธานปีใหม่
ปณิธานปีใหม่จะเกิดขึ้นเมื่อปีใหม่ใกล้ถึง ก็ถือโอกาสนำมาเป็นหมุดปักเพื่อที่จะเริ่มต้นหรือทำสิ่งใหม่ที่ดี บางท่านแทนที่จะคิดแค่ว่าปีใหม่จะทำอะไร ก็จะนำหลักการทางการจัดการมาผสมผสานด้วย โดยกำหนดเป็น OKR (Objective, Key Result) สำหรับปีใหม่นี้
ปณิธานปีใหม่ที่รับความนิยมก็มักจะเกี่ยวข้องกับตนเอง ทั้งการบริหารจัดการชีวิตที่ดีขึ้น การเรียนรู้ทักษะ/งานอดิเรกใหม่ๆ การใช้ชีวิตให้เต็มที่และคุ้มค่าที่สุด การประหยัดการออมให้ได้มากขึ้น การใช้เวลาอยู่กับครอบครัวเพื่อนฝูงและคนรักมากขึ้น การอ่านหนังสือเพิ่มขึ้น หรือ ถ้าได้ยินได้อ่านเยอะสุด คือ การออกกำลังกายมากขึ้น ลดน้ำหนัก ทานอาหารให้น้อยลง
การกำหนดปณิธานปีใหม่ในรูปแบบที่นิยมนั้นเป็นการตั้งใจไว้ว่าจะทำอะไรให้ตนเองบ้าง เมื่อเปรียบกับบริษัทส่วนใหญ่ก็เหมือนกับการกำหนดวิสัยทัศน์หรือตั้งวัตถุประสงค์ ที่จะมุ่งเน้นมาที่บริษัทเป็นหลัก แต่แนวคิดในการบริหารสมัยใหม่นั้น จะเริ่มมุ่งเน้นการทำเพื่อผู้อื่น เพื่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง รวมทั้งการกำหนด Purpose มากขึ้น ไม่ใช่เป็นการทำเพื่อบริษัทแต่เพียงอย่างเดียวอีกต่อไป
ดังนั้นถ้าคิดย้อนมาที่ปณิธานปีใหม่ของแต่ละคน ก็ไม่ควรจะเพียงแค่ตั้งปณิธานปีใหม่สำหรับตนเองเท่านั้น แต่ควรจะมีปณิธานปีใหม่ที่สะท้อนว่าตนเองจะทำอะไรให้ผู้อื่นหรือให้โลกใบนี้ได้บ้าง หรือ ที่เรียกว่า ปณิธานสีเขียว
ขณะที่ประเทศและบริษัทต่างๆ มีความตื่นตัวเรื่องของการดูแลโลกกันมากขึ้น ทั้งในรูปของ SDG และ ESG คำถามคือจะถึงเวลาหรือยังที่จะตั้งปณิธานปีใหม่หรือ OKR สำหรับปี 2565 นี้จะเป็นปณิธานสีเขียว ซึ่งปณิธานสีเขียวสำหรับปี 2565 ไม่ต้องลงทุนมากมาย ถึงขั้นการซื้อรถอีวี กิจกรรมในชีวิตประจำวันก็สามารถช่วยลดโลกร้อนได้เช่นเดียวกัน
นอกเหนือสิ่งที่คุ้นเคย เช่น การ Recycle หรือการลดการใช้พลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้ง ปณิธานสีเขียวสำหรับปี 2565 ได้ สามารถเริ่มได้ตั้งแต่การลดการซื้อเสื้อผ้าโดยไม่จำเป็น เนื่องจากกระบวนการการผลิตเสื้อผ้าในอุตสาหกรรม มีทั้งการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและปล่อยน้ำเสีย ยังไม่นับรวมเสื้อผ้าที่ไม่ใช้แล้ว เมื่อถูกทิ้งก็จะกลายเป็นแหล่งขยะสำคัญ
การลดการบริโภคเนื้อ (โดยเฉพาะเนื้อวัวและเนื้อแกะ) ก็สามารถเป็นปณิธานสีเขียวสำหรับปีใหม่ได้เช่นเดียวกัน เนื่องจากการเลี้ยงปศุสัตว์ จะมีการปล่อยก๊าซมีเธนออกไปในชั้นบรรยากาศของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับสัตว์ชนิดอื่นเช่น หมูหรือไก่แล้ว สัตว์เนื้อแดงมากๆ อย่างเช่น วัวและแกะ มีการปล่อยก๊าซมีเธนออกไปทำลายชั้นบรรยากาศมากกว่า 4-8 เท่า
อีกหนึ่งปณิธานสีเขียวที่เกี่ยวข้องกับอาหารคือการทานอาหารให้หมด หรือ ในอีกมุมคือการทำอาหารหรือสั่งมาในปริมาณที่พอเหมาะที่จะรับประทาน อาหารที่รับประทานไม่หมดส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมด้วยเช่นกัน ตั้งแต่เป็นการสิ้นเปลืองพลังงานในการผลิตอาหารโดยสุดท้ายก็ไม่ได้บริโภค ถือเป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ
และขณะเดียวกันอาหารที่เหลือนั้น เมื่อกองสะสมตามบ่อขยะต่างๆ ก็มีการผลิตก๊าซมีเธนออกมาทำลายชั้นบรรยากาศ เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศต่างๆ แล้ว ขยะจากอาหารถือเป็นผู้ผลิตก๊าซมีเธนเป็นอันดับสามรองจากสหรัฐอเมริกาและจีน
สุดท้ายสำหรับปณิธานสีเขียวที่ทำได้ไม่ยาก โดยเฉพาะผู้ที่ตั้งปณิธานที่จะอ่านหนังสือให้มากขึ้นในปี 2565 อยู่แล้ว คือตั้งปณิธานปีใหม่ให้ชัดเจนไปเลยว่าจะเป็นการอ่านหนังสือที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมและการดูแลโลกใบนี้ให้มากขึ้น
การอ่านหนังสือด้านสิ่งแวดล้อม ไม่ได้ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยตรง แต่ก็จะช่วยสร้างความตระหนักให้กับตนเองมากขึ้น อีกทั้งจะได้มีข้อมูลเพื่อกระจายต่อให้กับบุคคลรอบข้างได้มากขึ้น
ลองดูนะครับว่าถ้าจะตั้งปณิธานสำหรับปีใหม่นี้ ลองเปลี่ยนมาเป็นปณิธานสีเขียวกันดู
คอลัมน์ : มองมุมใหม่
รศ.ดร.พสุ เดชะรินทร์
คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
[email protected]