แสงสว่างปลายอุโมงค์

แสงสว่างปลายอุโมงค์

เปิดรับศักราชใหม่มาด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด -19 ทั่วโลกที่เพิ่มสูงมากเป็นประวัติการณ์ และแสงสว่างว่าเราจะหลุดพ้นจากวงจรโรคโควิดระบาดเสียทีในปีนี้ ก็ดูจะริบหรี่ไป อย่างไรก็ดี อย่าเพิ่งห่อเหี่ยวใจนะคะ ยังมีข่าวดีหนึ่งที่เราในฐานะผู้อยู่ในขบวนการน่าจะได้ประโยชน์

ตั้งแต่เกิดโรคระบาดจากไวรัส โควิด 19 ที่ร้ายกาจตัวนี้ โลกก็หยุดชะงักกันไปสองปี ตอนแรกมีทีท่าว่าจะดีขึ้น จะได้ลืมตาอ้าปากกันได้ในปีนี้ หลังจากที่ได้รับวัคซีนกันเกินครึ่งหนึ่งของจำนวนประชากร แต่เชื้อกลายพันธุ์โอมิครอน ก็ทำเอาประเทศพัฒนาแล้วเซกันไปพอสมควร ซึ่งจะทำให้การเปิดการเดินทางในโลกจำเป็นต้องถูกเลื่อนออกไปอีก

ภาคการบริการและท่องเที่ยวอาจจะต้องอดทนอีกหน่อยนะคะ เรายังต้องเคร่งครัด และทุกคนต้องป้องกันตัวเองให้ดี ถ้าควบคุมโรคได้ดี อย่างน้อยการท่องเที่ยวในประเทศก็อาจจะพอช่วยประทังไปได้ในปีนี้

สำหรับภาคการผลิต ในปีนี้มีข่าวดีเรื่องการมีผลบังคับใช้ของความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรือ Regional Comprehensive Economic Partnership ซึ่งย่อว่า RCEP (อาร์เซ็ป) ซึ่งเป็นความตกลงที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก รวม 15 ประเทศ

โดยมีขนาดเศรษฐกิจรวมกันถึง 30% ของขนาดเศรษฐกิจโลก ได้แก่ อาเซียน 6 ประเทศ (บรูไนดารุสซาลาม กัมพูชา สปป.ลาว สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม) และออสเตรเลีย จีน ญี่ปุ่น และนิวซีแลนด์ เริ่มมีผลใช้บังคับตั้งแต่ 1 มกราคม 2565 สำหรับเกาหลีใต้จะเริ่ม 1 กุมภาพันธ์ และอินโดนีเซีย มาเลเซีย เมียนมาร์ และฟิลิปปินส์ จะลงนามในภายหลัง

 

สมาชิก RCEP จะยกเลิกภาษีนำเข้ามากกว่า 90% ของสินค้าที่ซื้อขายกันในกลุ่ม จะยกเลิกภาษีนำเข้าที่เก็บกับสินค้าไทย จำนวน 39,366 รายการ โดยลดภาษีเหลือ 0% ทันที จำนวน 29,891 รายการ

โดยจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ จะลดและยกเลิกภาษีศุลกากรกับสินค้าที่ส่งออกจากไทย เพิ่มเติมจาก FTA ที่มีอยู่ในปัจจุบัน อาทิ ผลไม้สดและแปรรูป สินค้าประมง น้ำผลไม้ ยางพาราและผลิตภัณฑ์ยาง รถยนต์และส่วนประกอบ พลาสติก เคมีภัณฑ์ ชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้า และคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ เพราะฉะนั้น ผู้ส่งออกสินค้าเหล่านี้ ก็มีโอกาสเพิ่มปริมาณและมูลค่าการส่งออกมากขึ้น

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ยังมองว่า ความตกลง RCEP จะช่วยขยายโอกาสในธุรกิจบริการของไทย อาทิ ก่อสร้าง ค้าปลีก สุขภาพ ภาพยนตร์และบันเทิง โดย UNCTAD คาดว่าจะทำให้ยอดการค้าของ 15 ประเทศภายในกลุ่มเพิ่มขึ้น 2% จากระดับการค้าของปี พ.ศ. 2562 โดยคิดเป็นมูลค่าประมาณ 41,800 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 1.4 ล้านล้านบาท

ในด้านสุขภาพ อย่างน้อยวิกฤติโควิดครั้งนี้ ก็เป็นการตอกย้ำให้นานาชาติเห็นมากขึ้นว่าประเทศไทยมีศักยภาพในด้านการแพทย์และสุขภาพในระดับหนึ่งในห้าของโลก ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้การเดินทางมายังประเทศไทยเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต โดยจะมีสัดส่วนการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ

การลงทุนในปี 2564 ที่ผ่านมาได้รับผลตอบแทนดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ หากไปนับรวมคริปโตเคอร์เรนซี สินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุดคือ น้ำมันค่ะ โดยน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) เพิ่มขึ้นถึง 58.7% ในปีที่แล้ว แต่ก็มีค่าความผันผวนสูงมากถึง 34% รองลงมาเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ มีผลตอบแทน 38.5% ค่าความผันผวน 16% อสังหาริมทรัพย์โลก ให้ผลตอบแทน 32.5% ค่าความผันผวน 12% หุ้นทั่วโลก วัดโดยดัชนี MSCI World ให้ผลตอบแทน 20.1% ค่าความผันผวน 11% หุ้นสหรัฐ วัดโดยดัชนีดาวโจนส์ ให้ผลตอบแทน 18.7% มีค่าความผันผวน 12% หุ้นไทยวัดโดยดัชนี SET ให้ผลตอบแทน 14.4% มีค่าความผันผวน 12% หุ้นญี่ปุ่น วัดโดยดัชนี NIKKEI ให้ผลตอบแทน 4.9% มีค่าความผันผวน 18% ทองคำที่เคยเป็นพระเอกในปีก่อน ให้ผลตอบแทนติดลบ 3.6% ค่าความผันผวน 13% พันธบัตรไทยให้ผลตอบแทนติดลบ 4.7% ค่าความผันผวน 3% และหุ้นตลาดเกิดใหม่วัดโดยดัชนี MSCI EM ให้ผลตอบแทนติดลบ 5.5% มีค่าความผันผวน 18%

ก็ขอแสดงความยินดีกับผู้อ่านที่เป็นผู้ลงทุนและได้กระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ที่หลากหลาย ทำให้ผลตอบแทนเป็นบวกทุกท่านค่ะ

แต่อย่างหนึ่งที่ดิฉันขอฝากไว้คือ วิกฤติครั้งนี้ ทำให้ช่องว่างระหว่างคน“มี” กับ คน“ไม่มี” กว้างขึ้น คนมีเงินและมีโอกาสในการลงทุนสามารถสร้างผลตอบแทนได้เพิ่มเติมจากการลงทุน ส่วนคนไม่มีเงินและไม่มีโอกาสในการลงทุนก็ลำบาก  แม้จะสามารถควบคุมได้และโรคระบาดอาจจะหมดไปในกลางปี 2565 ตามการคาดหมายขององค์การอนามัยโลก หรืออาจจะเป็นปลายปี 2565  แต่ผลกระทบของโรคระบาดนี้ ยังจะมีต่อไปอีกระยะหนึ่ง อาจจะหลายปี อาจจะเป็นสิบปี อาจทำให้ชีวิตของคนหลายร้อยล้านคนในโลกนี้เปลี่ยนแปลงไป

สิ่งที่คน “มี” สามารถจะทำได้ คือการช่วยเหลือผู้ยากลำบากเหล่านั้น ให้สามารถประคับประคองชีวิตจนผ่านพ้นวิกฤติไปได้ และมีความหวังในอนาคต

หากท่านสามารถให้การช่วยเหลือได้  อย่าลืม “ให้” กับเพื่อนร่วมชาติ หรือร่วมโลก กลุ่มที่ต้องการความช่วยเหลือนี้นะคะ แล้วโลกจะสดใสสวยงามมากขึ้น ท่านจะรู้สึกดี เช่นเดียวกับแนวร่วม “ครอบครัวอุปถัมภ์” ที่ดำเนินการมาครึ่งปีแล้ว ท่านที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมนี้ และไม่สามารถหาครอบครัวมารับการอุปถัมภ์ได้ สามารถติดต่อกับดิฉันทาง email ได้ที่ [email protected]  ยังมีผู้ต้องการความช่วยเหลืออีกมากค่ะ สำหรับท่านที่ดำเนินการอุปถัมภ์ด้วยตนเองไปแล้ว รบกวนส่งข้อมูลให้เพื่อรวบรวมเป็นสถิติด้วยนะคะ สามารถส่ง email มาเพื่อให้ดิฉันส่งลิงก์แบบฟอร์มให้ท่านกรอกต่อไปค่ะ