โอกาสของประเทศไทยกับรถไฟลาว-จีน (ตอน 3) | วิกรม กรมดิษฐ์

โอกาสของประเทศไทยกับรถไฟลาว-จีน (ตอน 3) | วิกรม กรมดิษฐ์

บทความต่อเนื่องในเรื่องรถไฟความเร็วสูงลาว-จีน หรือเส้นทางรถไฟ "ล้านช้าง" โดยสองตอนแรกกล่างถึงข้อมูลที่แท้จริงของรถไฟฯ และประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับ ครั้งนี้จะกล่าวถึงผลกระทบที่มีต่อ GDP สปป.ลาว

อนาคตและแนวโน้มการเติบโตของ สปป.ลาว ถึงแม้ว่าจะต้องมีการกู้ยืมเงินจากรัฐบาลจีนมาเป็นจำนวนมาก เพื่อการก่อสร้างโครงการรถไฟลาว- จีนครั้งนี้ ผมยังมองเห็นโอกาสสำคัญอยู่ใน 3 เรื่องหลัก ได้แก่ 
    1. สปป.ลาวไม่ใช่ประเทศที่มีเงินจำนวนมาก หากไม่ได้รับเงินกู้จากรัฐบาลจีนก็จะไม่สามารถก่อให้เกิดโครงการนี้ การกู้เงินครั้งนี้มีผลสืบเนื่องต่อการเติบโตของ GDP ของประเทศ ปกติ สปป.ลาวมี GDP การเติบโตอยู่ที่ประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ 

เมื่อมีการกู้เงินในครั้งนี้มาผมเชื่อว่า GDP ของ สปป.ลาวอาจจะโตขึ้นเพิ่มอีกประมาณ 2-3 เปอร์เซ็นต์ และโตอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่โครงการรถไฟนี้ และเส้นทางเชื่อมต่อต่างๆ เสร็จสมบูรณ์จะส่งผลให้ GDP ของ สปป.ลาวโตขึ้นถึงเกือบ 10 เปอร์เซ็นต์ต่อปี เพราะฐานของ GDP สปป.ลาวไม่ใหญ่ จากประเทศที่เป็น Land lock ถูกเปลี่ยนให้เป็น Land Link 
    วันนี้ สปป. ลาวมีความเข้มแข็งมากกว่าหลายๆ ประเทศ อาจจะแข็งแกร่งกว่าประเทศไทยในแง่ของการเติบโตของตัวเลข GDP ด้วยที่ สปป.ลาวมีทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์มากกว่าประเทศไทยหลายเท่าโดยเฉพาะเรื่องของน้ำจะเห็นได้ว่าประเทศไทยทั้งประเทศมีเขื่อนกักเก็บน้ำอยู่ได้ประมาณ 70,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ในขณะที่ สปป.ลาวมีมากกว่าประเทศไทยหลายเท่า
    2. จำนวนไฟฟ้า สปป.ลาวสามารถผลิตไฟได้ถึงเกือบ 9,000 เมกะวัตต์ จากเขื่อนที่มีอยู่ ขายมาให้ประเทศไทยแล้ว 6,000 เมกะวัตต์ สปป.ลาวยังคงสามารถใช้น้ำผลิตไฟฟ้าจากเขื่อนทั้งประเทศในอนาคตอาจได้ถึง 20,000 เมกะวัตต์ 
    ต้นทุนในการดำเนินชีวิตหรือประกอบธุรกิจต่างๆ ทั้งเรื่องของค่าน้ำและค่าไฟที่ สปป.ลาวก็จะถูก เมื่อนำมาประกอบกับเส้นทางรถไฟลาว- จีน และทางด่วนที่เชื่อมโยงเส้นทางต่างๆเข้าด้วยกัน ก็จะยิ่งทำให้ สปป.ลาว เติบโตได้อย่างรวดเร็วเพิ่มมากขึ้น
    3. สปป.ลาว เป็นประเทศที่น่าลงทุนมากที่สุดอีกประเทศหนึ่งในเรื่องของเกษตรกรรม และอุตสาหกรรม ซึ่งขณะนี้เมื่อรถไฟความเร็วสูงสามารถวิ่งจากจีนเข้าสู่ สปป.ลาวได้แล้ว เพราะฉะนั้น สปป. ลาวก็ไม่ต่างจากการเป็นมณฑลหนึ่งของจีนไปโดยปริยาย 
    คนจีนสามารถไปมาหาสู่ทำการค้าและธุรกิจได้อย่างสะดวก จากการเดินทางของเส้นทางรถไฟสายนี้และการเชื่อมต่อทางถนน รวมถึงสายการบินที่มีมายัง สปป.ลาว การที่รัฐบาลของ สปป.ลาวตัดสินใจลงทุนและยอมเหนื่อยในการแบกรับภาระเงินกู้จากจีนในวันนี้

 แต่เชื่อว่าในอนาคต อีก 10 ปีหรือ 20 ปีข้างหน้า ด้วยความพร้อมในปัจจัย 4 ของสาธารณูปโภคต่างๆ รวมถึงถนนและรถไฟ จะทำให้ สปป.ลาว ประสบความสำเร็จในอีกหลายๆ ด้าน

จะทำให้สปป.ลาวมีคนอยากมาเที่ยว มาทำการเกษตร เข้ามาลงทุน และอยากรู้จักกับ สปป.ลาว เพิ่มมากขึ้น
    สิ่งเหล่านั้น การที่ สปป.เลือกที่จะลงทุนในวันนี้ล้วนมีผลต่อการเติบโตของ GDP ทั้งสิ้น หากเป็นไปตามที่ผมคาดการณ์ข้างต้นการที่ สปป.ลาวจะมีโอกาสคืนทุนจากการกู้เงินจากรัฐบาลก็ไม่ใช่เรื่องยาก อีกทั้งนโยบายของ สปป.ลาวยังมีการพูดถึงเรื่องของการเป็นแบตเตอรี่เอเชียอีกด้วย 
    ประกอบกับในขณะนี้ สปป.ลาวสามารถผลิตไฟฟ้าจากพลังงานน้ำได้มากถึง 20,000 เมกะวัตต์ แล้วการที่ สปป.ลาวมีไฟฟ้า 20,000 เมกะวัตต์เป็นพลังงานสะอาด เป็นพลังงานที่ประเทศในแถบยุโรปหรืออเมริกา รวมถึงประเทศที่พัฒนาแล้ว ต้องการผลิตภัณฑ์ที่ผลิตมาจากพลังงานสะอาด ไม่ใช้แก๊ส ถ่านหิน หรือน้ำมัน
     ประเทศเหล่านี้มีการสนับสนุนมอบสิทธิประโยชน์ให้กับโรงงานต่างๆ เหล่านี้เพื่อเป็นการสนับสนุนให้เกิดการใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น
    ตอนนี้ที่อมตะก็มีลูกค้าอยู่หนึ่งรายที่ต้องการเข้าลงทุนในนิคมฯของอมตะที่ประเทศเวียดนามโดยโรงงานนี้ก็ต้องรับทราบเงื่อนไขก่อนเข้ามาลงทุนเช่นกันในด้านการของส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด โดยมีข้อกำหนดว่าจะต้องใช้พลังงานสะอาดอย่างน้อยกี่เปอร์เซ็นต์ของไฟฟ้าทั้งหมด ไม่เช่นนั้นจะถูกเรียกเก็บภาษี 
    เมื่อหันมาดูที่ประเทศไทยก็จะเห็นว่าอุตสาหกรรมส่วนใหญ่มากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ใช้พลังงานแก๊สและพลังงานน้ำมันเป็นหลักในการผลิต
    วันนี้ประเทศไทยจะส่งสินค้าไปยุโรปในโรงงานเหล่านั้นบางส่วนเริ่มปัญหา แต่ต่อไปเรื่องราวเหล่านี้จะไม่เป็นปัญหาสำหรับ สปป.ลาว เนื่องจากอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ของลาวใช้พลังงานที่ผลิตมาจากธรรมชาติ และตอนนี้ สปป.ลาวยังมีไฟฟ้าที่เหลือจากพลังงานน้ำอีกประมาณ 2,000 เมกะวัตต์ 
    เมื่อนักลงทุนเห็นว่า สปป.ลาวมีพลังงานไฟฟ้าเยอะขนาดนั้นเขาก็จะสนใจที่จะเข้ามาลงทุน เพราะฉะนั้น การที่ สปป.ลาวมีโครงสร้างเรื่องของการโทรคมนาคม การขนส่งที่มีประสิทธิภาพ แน่นอนว่า GDP ของประเทศจะเติบโตไม่น้องกว่า 7 เปอร์เซ็นต์ในอนาคตเมื่อโครงสร้างต่างๆ หรือสิ่งที่กำลังพัฒนาเริ่มแล้วเสร็จ ผมเชื่อว่า GDP ของสปป.ลาวจะสามารถเติบโตได้มากกว่า 10 เปอร์เซ็นต์
    และนี่คือยุทธศาสตร์ที่สนใจมากของเพื่อนบ้านของเราอย่าง สปป.ลาว และเราก็ควรที่จะต้องเป็นส่วนหนึ่งที่จะประสานกับ สปป.ลาว เพราะมีเศรษฐกิจที่เชื่อมกันโดยเฉพาะการค้าชายแดนไทย- ลาว ซึ่งเป็นตัวเลขที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงมากมาโดยตลอด 
    ในขณะเดียวกันถ้าเราสามารถเชื่อมต่อลงสู่ทางใต้ของจีนได้จะยิ่งเป็นประโยชน์มากสำหรับไทยเพราะตอนใต้ของจีนมีประชากรอาศัยอยู่มากกว่าประเทศไทยและประเทศลาวร่วมกัน.