กองทุน Passive Fund และกองทุนติดดาวในตลาดหุ้นยุโรป

STOXX 50 ดัชนีตลาดหุ้นในกลุ่มยูโรโซน จัดทำโดยบริษัท STOXX Ltd. โดยนำหุ้นขนาดใหญ่ 50 ตัว ใน Eurozone ซึ่งไม่รวมประเทศอังกฤษ มาคำนวณเป็นดัชนี น้ำหนักส่วนใหญ่จะเป็นประเทศฝรั่งเศส 36% และ เยอรมนี 33% 

โดยหุ้น 10 ตัวแรกที่มีผลต่อดัชนีคือ ASML, LVMH MOET HENNESSY, SAP, LINDE, SIEMENS, SANOFI, TOTAL ENERGIES, L’OREAL, SCHNEIDER ELECTRIC และ ALLIANZ

 กองทุนไทยที่ลงทุนล้อตามดัชนี STOXX 50 โดยลงทุนในกองทุนหลัก iShares Core EURO STOXX 50 UCITS ETF จะเป็นกองทุนเปิดเค ดัชนีหุ้นยุโรป (K-EUX) และกองทุนเปิด ทิสโก้ยุโรป อิควิตี้ (TISCOEU)

 STOXX 600 ดัชนีตลาดหุ้นยุโรป จะนำหุ้นขนาดใหญ่ในยุโรปทั้งหมด 600 ตัว ทั้งที่อยู่ใน Eurozone และนอกกลุ่ม Eurozone รวมถึงประเทศอังกฤษ มาคำนวณเป็นดัชนี ซึ่งครอบคลุมหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ ประเทศอังกฤษมีน้ำหนักมากที่สุด 21.5% ขณะที่ ฝรั่งเศส เยอรมนี และสวิตเซอร์แลนด์ แต่ละประเทศมีน้ำหนักราว 16% โดยหุ้น 10 ตัวแรกที่มีผลต่อดัชนีคือ NESTLE, ASML, ROCHE, NOVARTIS, LVMH MOET HENNESSY, ASTRAZENECA, NOVO NORDISK, SAP, LINDE และ UNILEVER

กองทุนไทยที่ลงทุนล้อตามดัชนี STOXX 600 โดยลงทุนในกองทุนหลัก iShares STOXX Europe 600 UCITS ETF มีกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้นยุโรป (SCBEUEQ) และกองทุนเปิด ทิสโก้ ยุโรป อิควิตี้ เพื่อการเลี้ยงชีพ (TEURMF)

 DAX หรือ DAX 30 มาจากภาษาเยอรมัน “Deutscher Aktienindex” แปลว่าดัชนีตลาดหุ้นเยอรมนี จะนำหุ้นขนาดใหญ่ 30 ตัวแรกมาคำนวนเป็นดัชนี โดยหุ้น 10 ตัวแรกที่มีผลต่อดัชนีคือ SAP, LINDE, SIEMENS, ALLIANZ, BAYER, DEUTSCHE TELEKOM, ADIDA, BASF, DEUTSCHE POST และ DAIMLER กองทุนไทยที่ลงทุนล้อตามดัชนี DAX 

โดยลงทุนในกองทุนหลัก iShares Core DAX UCITS ETF จะเป็นกองทุนเปิดพรินซิเพิล เยอรมัน อิควิตี้ PRINCIPAL GEQ

กองทุนหลัก Xtrackers DAX UCITS ETF จะเป็นกองทุนเปิดทิสโก้ เยอรมัน อิควิตี้ (TISCOGY) และกองทุนเปิดทหารไทย German Equity (TMBGER)

 ขณะที่ตลาดหุ้นอังกฤษจะเป็นดัชนี FTSE 100 จะนำหุ้น 100 ตัวที่มีขนาดใหญ่มาคำนวณเป็นดัชนี, ตลาดหุ้นฝรั่งเศสจะเป็นดัชนี CAC 40 จะนำหุ้นที่มีขนาดใหญ่ 40 ตัวแรกมาคำนวณเป็นดัชนี, ตลาดหุ้นสวิตเซอร์แลนด์จะเป็นดัชนี SMI จะนำหุ้นที่มีขนาดใหญ่ 20 ตัวแรกมาคำนวณเป็นดัชนี, ตลาดหุ้นอิตาลีจะเป็นดัชนี FTSE MIB จะนำหุ้นที่มีขนาดใหญ่ 40 ตัวแรกมาคำนวณเป็นดัชนี ซึ่งปัจจุบันกองทุนไทยยังไม่ได้มีกองทุนที่ลงทุนล้อตามดัชนีดังกล่าวครับ

  ส่วนกองทุนติดดาวที่บริหารแบบเชิงรุก (Active Fund) ที่น่าสนใจในยุโรป ประกอบด้วยกองทุนหลัก Allianz Europe Equity Growth Fund เน้นสร้างผลตอบแทนระยะยาวจากหุ้นเติบโตในยุโรป จะเป็นกองทุนเปิดเค ยูโรเปียน หุ้นทุน (K-EUROPE)* และ กองทุนกรุงศรียุโรปอิควิตี้ (KF-EUROPE)*

กองทุนหลัก Wellington Strategic European Equity Fund เน้นสร้างผลตอบแทนระยะยาวจากหุ้นที่มีอัตราการเติบโตของกำไรและกระแสเงินสดที่ดีกว่าตลาด จะเป็นกองทุนเปิดทหารไทย ยูโรเปี้ยน โกรท (TMBEG)*

กองทุนหลัก Principal Global Investors European Equity Fund เน้นสร้างผลตอบแทนระยะกลางถึงยาวในหุ้นที่ราคายังไม่แพงและมีศักยภาพในการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ จะเป็นกองทุนเปิดพรินซิเพิล ยูโรเปี้ยน อิควิตี้ (PRINCIPAL EUEQ)*

กองทุนหลัก Aberdeen Standard European Equity Fund เน้นหุ้นมี่มีการเติบโตและรายได้ควบคู่กัน จะเป็นกองทุนเปิด อเบอร์ดีน สแตนดาร์ด ยูโรเปี้ยน โกรท ฟันด์ (ABEG)*

 หากเป็นกลุ่มหุ้นขนาดเล็กในยุโรปมีกองทุนติดดาวที่น่าสนใจ หลายกองเลยครับ กองทุนหลัก Invesco Continental European Small Cap Equity Fund เน้นสร้างผลตอบแทนระยะยาวจากหุ้นขนาดเล็กในยุโรปไม่รวมประเทศอังกฤษ จะเป็นกองทุนเปิดเคแทม ยูโรเปียน อิควิตี้ ฟันด์ (KT-EURO)* และ กองทุนเปิดเค ยูโรเปียน Small Cap หุ้นทุน (K-EUSMALL)*

กองทุนหลัก Aberdeen Standard European Smaller Companies Fund เน้นหุ้นขนาดเล็กที่มีการเติบโตอย่างโดดเด่นในยุโรปรวมประเทศอังกฤษ จะเป็นกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้นยุโรปสมอลแคป (SCBEUSM)*

กองทุนหลัก Amundi Funds European Equity Small Cap เน้นหุ้นขนาดเล็กที่มีการเติบโตอย่างยั่งยืนในยุโรปรวมประเทศอังกฤษ จะเป็นกองทุนเปิด ยูไนเต็ด ยูโรเปี้ยน สมอล แคป ฟันด์ (UES)*

บางกองทุนอาจจะแบ่งเป็นหลาย Class เช่น แบบสะสมมูลค่า แบบจ่ายเงินปันผล แบบรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ และแบบเป็นกองทุน RMF หรือ SSF ซึ่งผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลจากหนังสือชี้ชวนก่อนตัดสินใจลงทุนครับ