แข่งขันเสรีไปดวงจันทร์ | วรากรณ์ สามโกเศศ

แข่งขันเสรีไปดวงจันทร์ | วรากรณ์ สามโกเศศ

การเดินทางออกไปนอกโลกเพื่อไปเหยียบดาวดวงอื่นนั้น ฟังดูแล้วตื่นเต้นแต่คนส่วนใหญ่จะคิดว่าเป็นเรื่องผูกขาดของสหรัฐอเมริกา เพราะภาพของการส่งมนุษย์ขึ้นไปดวงจันทร์ครั้งแรกในปี 1969 ฝังอยู่ในใจ

แต่ในความเป็นจริงแล้วในปัจจุบัน  การเดินทางเช่นนี้เป็นเรื่องของการแข่งขันที่เสรีไปแล้ว     เพราะมีอีกอย่างน้อย  5 ประเทศคือ    จีน       รัสเซีย       อินเดีย      ญี่ปุ่น    และเกาหลีใต้ที่มีโครงการอวกาศเกี่ยวกับดวงจันทร์เช่นกัน

อมตะวาจา “That’s one small step for man, one giant step for mankind” (นี่คือก้าวเล็กสำหรับมนุษย์ (แต่) เป็นก้าวยักษ์สำหรับมนุษยชาติ)  ของ Neil Armstrong    นักอวกาศชาวอเมริกันซึ่งเป็น    คนแรกของโลกไปถึงดวงจันทร์ที่เปล่งออกมาเมื่อก้าวซ้ายก้าวแรกสัมผัสพื้นในเดือนกรกฎาคม 1969

ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีข่าวใดที่ดังกว่านี้ในการไปถึงดวงจันทร์     จนกระทั่งเกิดคลื่นใหม่ในโลกปัจจุบันที่แข่งขันกันไปโลกพระจันทร์หรือไปไกลกว่านั้น

ดวงจันทร์เป็นเป้าหมายเพราะใกล้ที่สุดจากโลกคือ 384,400 กิโลเมตร     ในขณะที่ระยะทางจากโลกถึง Mars (ดาวอังคาร) คือ 297.86 ล้านกิโลเมตร (ระยะทางสั้นสุดที่เข้ามาใกล้โลก คือ 54.6           ล้านกิโลเมตร)    เป้าหมายดวงจันทร์จึงมีความเป็นไปได้มากที่สุด    หากทำสำเร็จก็จะได้ทั้งชื่อเสียง  เกียรติยศ  บารมี   และการพัฒนาทางเทคโนโลยี     ดังที่สหรัฐได้รับจากโครงการ Apollo ในทศวรรษ 1960

สหรัฐกลับมาให้ความสนใจแก่ดวงจันทร์อีกครั้งด้วยโครงการ Artemis โดยมีแผนจะส่งยานอวกาศ Orion ที่ไม่มีคนเข้าไปอยู่ในวงจรของดวงจันทร์เพื่อปูทางสู่การส่งนักอวกาศขึ้นไปโคจร และตามด้วย Artemis III    ซึ่งเป็นการร่วมมือระหว่างภาครัฐกับมหาเศรษฐีผู้สนใจโลกอวกาศ  Elon Musk ที่มียานอวกาศที่ใช้ได้หลายหนในชื่อของ Space X Starship  โดยจะไปดวงจันทร์อีกครั้งหลังจากการเหยียบ           ครั้งสุดท้ายในปี 1972

อย่างไรก็ดี    โครงการ Artemis III พบอุปสรรคทางเทคนิคจนต้องเลื่อนออกไปจาก 2024 ถึงอย่างน้อย 2025  หรืออีกหลายปีหลังจากนั้นก็เป็นได้   คู่แข่งสำคัญของสหรัฐคือจีนกำลังหายใจรดต้นคอ     พยายามเร่งโครงการเพื่อเอาชนะสหรัฐ    

 

ในทศวรรษที่ผ่านมาจีนส่งยานไปดวงจันทร์มาแล้ว         3 ครั้งโดยในปี 2019 ได้ส่งยานไร้มนุษย์ลงบนผิวดวงจันทร์ได้สำเร็จ     โครงการ Chang’e 6-7-8 ในปี          2024-2027 จะส่งยานขึ้นไปเก็บตัวอย่างหินและสังเกตก้อนน้ำแข็งใหญ่ที่บริเวณขั้วใต้ของดวงจันทร์   คาดว่าจะส่งมนุษย์ขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์ได้ในปี 2030 หรือกว่านั้น

ประเทศที่สามคือรัสเซีย   กลางปี 2022 คาดว่าจะส่งยานขึ้นไปโคจรและลงบนผิวดวงจันทร์ได้   หลังจากส่งยานครั้งสุดท้ายไปโคจรรอบดวงจันทร์เมื่อปี 1976   รัสเซียมีแผนการร่วมมือกับจีนในการจัดตั้งศูนย์ความร่วมมือในปี 2035     แต่แผนการทั้งหมดน่าจะล่าช้าไปเพราะปัญหาเรื่องสงครามกับยูเครน

ประเทศที่สี่คืออินเดีย    ในปลายปี 2022 โครงการ Chandrayaan-3 (จันทรายาน?)  จะส่งยานที่ไม่มีมนุษย์ขึ้นไปโคจรเพื่อแสดงให้เห็นความสามารถในการลงจอดบนผิวดวงจันทร์หลังจากที่ล้มเหลวมาแล้วครั้งหนึ่ง

ประเทศที่ห้าคือญี่ปุ่น     โครงการ Omotenashi ในครึ่งปีแรกของ 2022 จะผลิตยานของโครงการ Artemis ของสหรัฐเพื่อลงจอดบนดวงจันทร์       ในกลางปี 2022 บริษัทเอกชนญี่ปุ่นจะผลิตยานเคลื่อนที่บนผิวดวงจันทร์ โดยไปกับ Space X    ในช่วงปี 2022-2023 จะผลิตยานเคลื่อนที่แบบเดียวกันเพื่อไปกับยานของญี่ปุ่นเองโดยมีเป้าหมายเพื่อปูทางการเก็บตัวอย่างหินและดินบนดวงจันทร์กลับมา    และในปี 2024 ญี่ปุ่นวางแผนจะร่วมมือกับอินเดียที่จะส่งยานไม่มีคนไปพื้นที่บริเวณด้านใต้

ประเทศที่หกคือเกาหลีใต้     ในเดือนสิงหาคมปี 2022  จะเริ่มโครงการแรกของการไปสู่       ดวงจันทร์ โดยร่วมมือกับยาน Space X ของ Elon Musk

การเคลื่อนไหวของการแข่งขันไปดวงจันทร์ของ 6 ประเทศนี้เป็นที่จับตามองของชาวโลกเพราะแสดงถึงความพยายามในการพัฒนาเทคโนโลยีของแต่ละประเทศ   สามารถสร้างความมั่นใจในการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ      อย่างไรก็ดีทุกอย่างต้องใช้เงิน   และทุกประเทศต่างก็มีความจำเป็นในการใช้เงินแตกต่างกันออกไป      

รัฐบาลของสหรัฐลงทุนในโครงการอวกาศในปี 2021 ประมาณ 53,000  ล้านเหรียญ     รองลงมาคือจีน 10,000 ล้านเหรียญ      ญี่ปุ่นประมาณ 4,000 ล้านเหรียญ       รัสเซีย 2,000 ล้านเหรียญ      อินเดียไม่ถึง 1,000 ล้านเหรียญ   และเกาหลีใต้ประมาณ 500 ล้านเหรียญสหรัฐ       

เห็นได้ชัดว่าสหรัฐนำหน้าในการลงทุน    แต่ภาพอาจเปลี่ยนไปได้หากการเมืองผันผวน   ส่วนจีนถึงแม้จะลงทุนน้อยกว่าแต่ความมุ่งมั่นและความต่อเนื่องนั้นมีเต็มที่      เป้าหมายที่ต้องการคือการเป็นหมายเลขหนึ่งด้านเทคโนโลยีในปี 2025 ตามวิสัยทัศน์ของจีน

เมื่อมีหลายประเทศเข้ามาเกี่ยวพันในโครงการอวกาศ      ความจำเป็นในการมีกฎกติกาก็เกิดขึ้น      สหรัฐริเริ่ม Artemis Accord หรือข้อตกลงที่ผูกพันกับหลักการความโปร่งใส และการเคารพสนธิสัญญาระหว่างประเทศต่าง ๆ ที่เคยมีมาในอดีตเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากโครงการอวกาศ  ปัจจุบันมี    ผู้ลงนามแล้วกว่า 12 ประเทศ   รัสเซียปฏิเสธที่จะลงนาม

การเมืองระหว่างประเทศมีอิทธิพลอย่างสำคัญในเรื่องการไปถึงดวงจันทร์    มีการรวมกลุ่มเพื่อร่วมมือกันและเพื่อกีดกันกลุ่มตรงกันข้าม   กลุ่มแรกคือสหรัฐ     ญี่ปุ่น     อินเดียและเกาหลีใต้   กับอีกกลุ่มหนึ่งคือจีนและรัสเซีย   

สิ่งที่ชวนให้คิดก็คือการนำเอาความรู้และเทคโนโลยีที่พัฒนาจากโครงการอวกาศมาต่อยอดเป็นอาวุธในเวลาต่อไป   การเข้าร่วมการแข่งขันไปโลกพระจันทร์สำหรับบางประเทศนั้นก็เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ตกยุคในเรื่องความรู้ด้านเทคโนโลยีโดยเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวกับความมั่นคง

การไปอยู่อาศัยบนโลกพระจันทร์หรือดาวดวงอื่นนั้นยังเป็นความฝันที่อยู่อีกไกลมาก    แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรมองข้าม เพราะในความพยายามนี้อาจก่อให้เกิดประโยชน์แก่ดวงดาวสุดรักของเราที่มีอายุ 4,500 ล้านปีและมนุษย์หน้าตาแบบเราในปัจจุบันได้อาศัยอยู่กันมาแล้ว 200,000 ปี อย่างแสนสบายและอย่างควรสำนึกบุญคุณ  

เราควรใคร่ครวญพิจารณาบทบาทของตัวเราเองว่าจะมีส่วนช่วยอย่างไรให้ดาวสุดรักของเราดวงนี้น่าอยู่ขึ้น  และเป็นแหล่งที่ลูกหลานของเราจะได้อยู่กันไปได้อย่างดีอีกนานแสนนาน (ขอขอบคุณนิตยสาร  Nikkei Asia ที่ได้รวบรวมข้อมูลแข่งขันไปดวงจันทร์ไว้อย่างน่าสนใจยิ่ง)