ยูเครน สงคราม ความบ้าและหมาจนตรอก | ไสว บุญมา
ตามนิยามของพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถาน “สงคราม” หมายถึงการรบใหญ่ที่มีคนจำนวนมากต่อสู้ฆ่าฟันกัน “บ้า” หมายถึงเสียสติ และ “หมาจนตรอก” หมายถึงคนที่ฮึดสู้อย่างสุดชีวิตเพราะไม่มีทางเลือก
กระนั้นก็ตาม อาจเกิดความเห็นไม่ตรงกันว่าบางภาวะมีลักษณะตรงตามนิยามหรือไม่ เช่น เหตุการณ์ในยูเครนขณะนี้มีผู้เรียกว่าสงคราม แต่ประธานาธิบดีปูตินประกาศว่าเป็นการปฏิบัติการพิเศษ การเรียกสิ่งเดียวกันต่างกันมักเกิดจากแรงจูงใจและมุมมองที่ต่างกัน
ในกรณียูเครน แม้จะไม่เรียกเหตุการณ์ว่าสงคราม แต่มันมีโอกาสลุกลามไปเป็นสงครามใหญ่หากผู้มีอำนาจระดับสั่งกองทัพได้เป็นบ้า หรือเกิดภาวะหมาจนตรอกต่อไป ไม่ว่าจะเรียกมันว่าอะไร ความเสียหายร้ายแรงเกิดขึ้นแน่นอน
ในด้านการเป็นบ้า มีวาทะที่เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อมหาอำนาจเริ่มแบ่งออกเป็น 2 ขั้วใหญ่ซึ่งต่างมีอาวุธนิวเคลียร์ไว้ในครอบครอง นั่นคือ Mutual Assured Destruction ซึ่งย่อเป็น MAD แปลว่า “บ้า” วาทะนี้วิวัฒน์มาเป็นหลักคิด ยุทธศาสตร์ทางทหารและนโยบายด้านความมั่นคงของหลายประเทศ
แก่นของหลักคิดได้แก่ เมื่อคู่กรณีมีพลังอาวุธสูงพอที่จะทำลายฝ่ายตรงข้ามที่ชิงใช้อาวุธนั้นแก่ตนได้ จะไม่มีฝ่ายไหนเริ่มใช้อาวุธนั้นก่อนเพราะหากใช้ ตนย่อมถูกทำลายด้วย ความตระหนักในหลักคิดนี้ทำให้โลกมีเพียงสงครามเย็นระหว่างฝ่ายที่ใช้ระบบคอมมิวนิสต์กับฝ่ายที่ใช้การบริหารบ้านเมืองแนวประชาธิปไตยประกอบกับใช้ระบบเศรษฐกิจแนวตลาดเสรี
สงครามเย็นยุติ เมื่อฝ่ายผู้ใช้ระบบคอมมิวนิสต์ทิ้งระบบนั้น แล้วหันมาใช้ระบบการเมืองแบบรวมศูนย์อำนาจ พร้อมกับระบบตลาดเสรี มหาอำนาจในกลุ่มนี้มีรัสเซียกับจีน หนึ่งในความแตกต่างระหว่างรัสเซียและจีนกับกลุ่มที่ใช้ประชาธิปไตย ได้แก่ ความรวดเร็วในการตัดสินใจ
ผู้นำรัสเซียและจีนสามารถตัดสินใจได้เร็วมาก เนื่องจากการใช้อำนาจขาดกลไกในด้านถ่วงดุล ส่วนฝ่ายประชาธิปไตยมีกลไกถ่วงดุลอยู่ในตัว จึงมักตัดสินใจได้ช้าเพราะจะต้องปรึกษาหาความเห็นชอบจากหลายกลุ่ม
ความแตกต่างดังกล่าว มีโอกาสทำให้โลกประสบปัญหาในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน ตามความหมายของ “บ้า” ที่มาจาก MAD กล่าวคือ มหาอำนาจนิวเคลียร์ที่มีกลไกในการถ่วงดุลต่ำได้ผู้นำเสียสติ หรืออาจคาดการณ์ผิดคิดว่าตนสามารถทำลายฝ่ายประชาธิปไตยได้ เพราะฝ่ายนี้จะตัดสินใจตอบโต้ได้ไม่ทันกาล ผลตามมาคือ ทั้งสองฝ่ายถูกทำลายหมด
ด้านหมาจนตรอกซึ่งดูจะยังไม่มีใครใช้โดยตรงกับเหตุการณ์ในยูเครน แต่สาระจากมุมมองของนักวิเคราะห์ทำให้คิดได้เช่นนั้น นั่นคือ นักวิเคราะห์บางคนมองว่าสหรัฐรุกรานชาวโลกแบบไม่หยุดยั้ง ครั้งนี้ รุกรานผ่านการชักชวนประเทศที่เกิดจากการแตกสลายของสหภาพโซเวียตให้ใช้ระบอบประชาธิปไตย
โดยใช้องค์การร่วมสงครามที่มีนามว่า “นาโต้” (NATO ย่อจาก North Atlantic Treaty Organization) เป็นหนึ่งในกลไกหลัก สหรัฐสามารถทำได้จนรุกเข้าไปประชิดเขตแดนของรัสเซีย ส่งผลให้ผู้นำรัสเซียรู้สึกว่าประเทศของตนตกอยู่ในภาวะหมาจนตรอก จึงออกมาสู้โดยครั้งนี้ส่งกองทัพเข้าไปในยูเครนซึ่งเอนเอียงไปทางข้างสหรัฐ
นอกจากนั้นยังมีกรณีชาวยูเครนทั่วไปซึ่งส่วนใหญ่ดูจะมองว่า ประเทศของตนถูกรุกรานจากเพื่อนบ้านที่มีพลังทางอาวุธเหนือกว่าจนทำให้รู้สึกว่าตกอยู่ในภาวะหมาจนตรอกเช่นกัน ฉะนั้น ตนไม่มีทางเลือกนอกจากออกมาจับอาวุธต่อสู้ถึงแม้จะรู้ว่าเสียเปรียบมากก็ตาม การต่อสู้นี้มีสมาชิกนาโต้ร่วมกันสนับสนุนอย่างเปิดเผยทั้งผ่านการคว่ำบาตรรัสเซียในด้านต่าง ๆ และการส่งอาวุธให้แก่ชาวยูเครน
ด้วยเหตุนี้ นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งจึงมองว่า แม้กองทัพรัสเซียจะเอาชนะกองทัพยูเครนได้ แต่การรบกันจะดำเนินต่อไปในรูปของสงครามกองโจร ซึ่งจะยืดเยื้อและสร้างความเสียหายให้แก่รัสเซียแบบแทบไม่มีที่สิ้นสุด ในสภาพเช่นนี้ โอกาสที่ผู้นำรัสเซียจะรู้สึกว่าตนยังเป็นหมาจนตรอกมีอยู่สูง
หากความรู้สึกนี้มีผลทำให้ผู้นำรัสเซียเสียสติ หรือคาดการณ์ผิดคิดว่าตนจะใช้อาวุธนิวเคลียร์ลอบทำลายฝ่ายตรงข้ามได้ก่อนที่จะถูกตอบโต้ โลกจะเดินเข้าสู่ภาวะ “บ้า” ที่มาจาก Mutual Assured Destruction ภาวะนี้จะมีผลเป็นสงครามล้างโลก.