ประมาณสถานการณ์ที่ผิดพลาดอย่างต่อเนื่องของ ปูติน | เรือรบ เมืองมั่น
สงครามรัสเซียบุกยูเครนจบเฟสแรกด้วยความพ่ายแพ้ของกองทัพรัสเซีย ไม่ว่าจะมองทิศทางใด บทเรียนของการก่อสงคราม หากประธานาธิบดีปูติน ผู้แข็งแกร่งของประเทศที่กว้างใหญ่ที่สุดในโลก จะตระหนักได้นั้น อาจเป็นมีผลต่อการปรับแนวทางของรัสเซียในอนาคต เพราะสงครามยังไม่จบ
ผลพวงของสงครามยิ่งจะยาวนานกว่านั้น อย่าว่าแต่รัสเซียจะไม่มีวันเหมือนเดิมเลย โลกจะไม่มีวันเหมือนเดิมด้วย บทความนี้จะลองชี้ข้อสำคัญของการประเมินสถานการณ์ที่ผิดพลาดข้อใหญ่ ๆ ของปูตินทั้งทางยุทธการและยุทธศาสตร์
แม้ว่าในหนึ่งเดือนของการยุทธ กองทัพอันดับ 2 ของโลก (ตามการจัดอันดับของสำนัก Global fire Power) จะสร้างความเดือดร้อนล้มตายให้กับคนยูเครนไม่น้อย ส่งผลให้เกิดผู้อพยพกว่าสามล้าน บ้านเรือนถูกทำลายคนตายเจ็บหลายพันคน แต่ “ปฏิบัติการพิเศษ” ตามที่รัสเซียอ้างนี้ไม่ได้นำพาประโยชน์ใดในสนามมาให้แก่รัสเซียเลย
รบแค่เดือนเดียว ทหารรัสเซียตายมากกว่าทหารอเมริกันเสียชีวิตในศึกอัฟกานิสถานถึง 20 ปี นายพลรัสเซียถึง 7 นาย ตลอดจนรถถัง เฮลิคอปเตอร์ ไปยันเรือลำเลียงขนาดใหญ่เป็นเป้านิ่งให้โดนโจมตีด้วยปฏิบัติการจรยุทธของฝ่ายยูเครน
อุตส่าห์ล้อมบุกมาจากสามทิศทาง แต่ก็ตียังเมืองใหญ่ไม่แตกเลยสักเมืองเดียว (เมืองใหญ่สุดที่ยึดได้คือ Kherson เป็นเมืองใหญ่อันดับ 17 ของยูเครน)
ความผิดพลาดที่เป็นเช่นนี้มาจากหลายสาเหตุ เริ่มตั้งแต่หลักนิยมการรบของรัสเซียที่โบราณมาก ไม่พยายามครองอากาศก่อน ใช้จรวดโจมตีเป็นระยะระยะควบคู่ไปกับใช้กองพลรถถังเคลื่อนกำลังไปข้างหน้า
ยุทธวิธีแบบนี้จะประสบผลสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อประเมินแล้วว่า ประชาชนจะไม่สู้ แต่จะยินดีต้องรับมอบดอกไม้ให้ แต่นี่ประเมินผิดรถถังจึงถูกล้อมทำลายในเมืองเป็นจำนวนมาก
สงครามในเมืองเป็นสิ่งที่รัสเซียไม่ถนัด เคยย่อยยับในเชชเนียมาแล้ว (แต่ที่ชนะศึกได้เพราะร่วมมือกับขุนศึกท้องถิ่นปกครอง นับเป็นชัยชนะทางยุทธศาสตร์) การส่งกำลังบำรุงในเส้นทางที่ยาวไกลทำให้เกิดปัญหาหนุนเนื่องในการส่ง สป. ทหารเกณฑ์ขาดประสบการณ์การรบ แม้จะฝึกมาเป็นเดือนแต่ก็สู้ทหารอาชีพและพลเรือนอาสาที่รบด้วยใจปกป้องชาติของยูเครนไม่ได้
การไม่ยอมใช้อาวุธทำลายล้างสูงอย่างที่รัสเซีย เคยอวดโชว์ในนิทรรศการป้องกันประเทศทั่วโลก นั้นอาจเพราะต้องการจะเก็บไว้ใช้ในการศึกห้วงต่อไปกับนาโต้ที่ตีวงล้อมเข้ามา ไม่เพียงแต่ด้านโปแลนด์และบอลติก แต่เป็นด้านทะเลดำด้วย หากใช้กับยูเครน สำรองกระสุนจะหมดไปเสียก่อน
หรือจริงๆ แล้วอาวุธเหล่านั้นอาจเป็นเพียงอาวุธต้นแบบ ไม่ได้ผลิตเพียงพอใช้ในยุทธการขนาดใหญ่ นอกจากนี้ อาจเป็นไปได้เรื่องการคอร์รัปชั่นอะไหล่ กระสุนและอาวุธยิงในกองร้อยกองพัน เรื่องแบบนี้เคยเกิดขึ้นในปลายยุคโซเวียต ที่ทำให้มีเศรษฐีใหม่ที่รวยจากการนำไปขายต่อให้สมรภูมิอื่นทั่วโลก
ประมาณสถานการณ์ทางยุทธศาสตร์ที่ผิดพลาด นับเป็นหายนะยิ่งกว่าความผิดในสนามเสียอีก ประธานาธิบดี Vladimir Putin น่าจะประเมินว่าชาติตะวันตกจะไม่กล้าทำอะไรตนมากกว่าการคว่ำบาตรแบบเดิม ๆ ที่ทนได้
รัสเซียมีอาวุธทางยุทธศาสตร์ที่จะบีบยุโรปได้นั่นคือพลังงาน อีกทั้งรัสเซียยังมีมิตรขั้วอำนาจเดียวกันอย่างจีนคอยสนับสนุน ขณะที่นาโต้ก็ไม่กล้าทำสงครามโลกกับรัสเซีย แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นผิดคาดหมายมาก
เพราะชาติตะวันตกคว่ำบาตรแบบแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ ตัดความสัมพันธ์ทางการค้าด้วยการถอนการลงทุนในหลายหลายธุรกิจแบบไม่เคยปรากฏมาก่อน ตัดความสัมพันธ์การเงินแบบโดดเดี่ยวรัสเซีย โดยไม่กลัวการถูกบีบพลังงาน
ที่น่าน้อยใจที่สุดคือ จีนไม่ได้ร่วมหัวจมท้ายกับรัสเซีย แต่กรรเชียงแสดงท่าทีกลาง ๆ เหมือนอยากรอช้อปของถูกจากรัสเซียที่ได้รับผลกระทบจากสงครามมากกว่า นาโต้ไม่ส่งทหารไปรบก็จริง แต่ส่งอาวุธและทหารรับจ้างเข้าไปในยูเครนอย่างไม่ต้องเหนียม
ที่ประเมินผิดที่สุดมีอยู่ 2 ข้อ คือจิตใจนักสู้ของชาวยูเครนและความยึดมั่นในคุณค่ายึดถือ (Core Value) ของชาวยุโรป ข้อแรกนั้นเราจะพบว่ายูเครนรบดีเกินคาด ผู้อพยพส่วนใหญ่เป็นเด็กและผู้หญิง ส่วนผู้ชายยังอยู่รบกับทหารรัสเซียในเมือง
ประธานาธิบดี Volodymyr Zelensky เป็นผู้นำที่เก่งในวาทะศิล์ปมาก ใช้ปฏิบัติการข่าวสารได้เฉียบคมต่อทั้งชาติตะวันตก เพื่อนร่วมชาติและฝ่ายผู้รุกรานอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้การสนับสนุนและความช่วยเหลือระดมมาจากทั่วโลก ประชาชนมีจิตใจรุกรบ ขณะที่ไม่ยอมถอยให้แก่ศัตรู
ในเมื่อกองทัพที่เหนือกว่าไม่สามารถสถาปนาชัยชนะเหนือผู้อ่อนแอกว่าได้ภายในเวลาสายฟ้าแลบ รัสเซียก็เริ่มถดถอยในทุกด้านอย่างรวดเร็ว รวมทั้งความไว้ใจกันเองในหมู่ผู้นำรัสเซียด้วย
ยุโรปเป็นการรวมกลุ่มของชาติที่มีบรรทัดฐานในคุณค่า ยึดถือร่วมกันที่มีมาอย่างยาวนาน ถือเป็นจริยธรรมที่จะต่อต้านสงครามและเคารพมนุษยธรรม การยึดมั่นในมาตรฐานนี้เหนือกว่าผลประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมของชาติและประชาชนเสียอีก หากใครเบี่ยงเบนต่อจริยธรรมนี้ พวกเขาก็จะรังเกียจผู้นั้นและลงโทษทางสังคมอย่างรุนแรง
ปูตินกำลังทดสอบความอดทนของยุโรปในระยะยาว แต่เขาอาจจะได้เห็นการสิ้นสุดความอดทนของชาวรัสเซียก่อนชาวยุโรปก็เป็นได้.