"SET" ชี้ปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องใกล้ตัว จี้ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน สู่เป้าหมาย Net Zero
"SET" ชี้ปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องใกล้ตัว จี้ทุกฝ่ายต้องช่วยกันรักษาสภาพแวดล้อมให้อยู่ถึงคนรุ่นหลัง ดันเทคโนโลยีสร้างการรับรู้ สู่เป้าหมาย Net Zero ใน 5 ปี
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ SET หนึ่งในพันธมิตรที่แข็งแกร่งของชไนเดอร์ อิเล็คทริค และผู้นำด้านความยั่งยืน เผยยุทธศาสตร์ให้ทุกองค์กรร่วมกันสร้างความยั่งยืนให้กับโลก
สกุณา ปัญญาวิวรรธน์ Senior Vice President - Head of IT Operations Department ฝ่ายปฏิบัติการเทคโนโลยีสารสนเทศ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) กล่าวว่า ขณะนี้ปัญหาสภาพแวดล้อมเริ่มขยายวงกว้าง และใกล้ตัวเรามากขึ้น ยกตัวอย่างปัจจุบันพื้นที่กรุงเทพฯ ต้องเจอกับปัญหาน้ำท่วมบ่อยมากขึ้น และกินเวลานานถึง 4-5 เดือน ต่างจากเมื่อก่อนที่อาจจะไม่รู้สึกว่า ปัญหาน้ำท่วมคือปัญหาที่ยิ่งใหญ่
สกุณา กล่าวต่อว่า เราเริ่มเห็นผลสะท้อนของการใช้ชีวิตประจำวันของคนมากขึ้น จึงเป็นปัญหาที่ทุกคนต้องให้ความสำคัญ ซึ่งในการใช้ชีวิตประจำวัน สภาพแวดล้อมเป็นสิ่งหนึ่งที่เข้ามากระทบการใช้ชีวิต ถือว่าเป็นปัญหาที่สำคัญ ซึ่งแต่ก่อนจะเห็นน้ำท่วมเป็นเรื่องไกลตัว แต่ตอนนี้ชีวิตคนกรุงเทพฯ เริ่มมีอุปกรณ์ในการป้องกันน้ำท่วมมากขึ้น เช่น รองเท้าสูง ถุงคลุมรองเท้า เป็นต้น
"แต่ก่อนจะรู้สึกว่าน้ำท่วมบ่อยที่อยุธยา สุพรรณบุรี แต่ตอนนี้ คำว่าน้ำท่วมคือทั่วประเทศไทย แม้แต่เชียงใหม่ก็ท่วมได้ ซึ่งปัญหานี้มีผลมาจากธรรมชาติที่เกิดจากการทำร้ายด้วยฝีมือมนุษย์ ที่ไม่ได้ทำในวันนี้ แต่ทำร้ายมานานมาก และได้ส่งผลกลับมา"
นอกจากนี้ ในส่วนของความสำคัญของความยั่งยืนโลกนั้น ทุกเศรษฐกิจขับเคลื่อนด้วยคน จะเห็นว่าปัญหาโควิด-19 ส่งผลกระทบวงกว้างคนหยุดทำงาน หยุดลงทุน ธุรกิจ เศรษฐกิจได้รับผลกระทบ ซึ่งความยั่งยืนจะยิ่งกว่าโควิด และอนาคตจะเกี่ยวข้องทุกอย่าง และอิมแพคกับการใช้ชีวิต ตัวอย่างเช่น ปัญหาโควิด สามารถเว้นระยะห่างที่ 2 เมตร แต่สิ่งแวดล้อมไม่เหมือนกัน เช่น การทิ้งขยะที่หนึ่งก็สามารถไปกระทบทะเลหรือพื้นที่อื่นๆ ได้ทั่วโลก และจะกลับมาหาเราได้เมื่อไหร่ก็ได้
"จะเห็นว่าขยะในทะเลทั่วโลกจากที่หนึ่งก็สามารถอิมแพคได้อีกที่ หรือกับเรา เมื่อรวมกันในทะเลก็ทำให้สิ่งแวดล้อมเปลี่ยน ทะเลเริ่มมีขยะ สัตว์ทะเลอยู่ไม่ได้ ระบบนิเวศก็พังพินาศ ดังนั้นการสร้างความยั่งยืนของธุรกิจกับโลกมีความสัมพันธ์กัน คนหนึ่งคนสร้างความยั่งยืนไปในระดับโลกได้ ทุกคนจึงต้องร่วมมือสะท้อนไประดับโลก หากโลกอยู่ไม่ได้คนก็อยู่ไม่ได้ และธุรกิจก็อยู่ไม่ได้"
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนมาก และทำเรื่อง Environment Social Governance (ESG) ไม่ต่ำกว่า 10 ปี และได้เริ่มจริงจังมากขึ้น เพราะเมื่อก่อนอาจจะภาพกว้างภาพใหญ่แต่ตอนนี้เริ่มลงมาที่คน ช่วง 2-3 ปี และได้เริ่มชวนเพื่อนบ้านริมถนนรัชดาร่วมกำจัดขยะ ด้วยการแยกขยะ เพื่อให้ความยั่งยืนโตไปได้ต่อไป พร้อมกับเริ่มใช้เทคโนโลยีไอโอที มาช่วยประหยัดพลังงาน รวมถึงพลังงานบริสุทธิ์ เป็นต้น
"เราได้นำซอฟต์แวร์มาช่วยให้ได้ข้อมูล ต่อยอดได้ว่าเราจะโฟกัสจุดไหนเพื่อต่อยอด เพราะหากไม่มีข้อมูลจะเหมือนกับคนตาบอด โดยเฉพาะเรื่องของสิ่งแวดล้อมต้องทำเร็ว แม้ผลในยุคนี้จะไม่เกิดแต่จะเกิดในอนาคต หากแก้ไขไม่ทันจะยิ่งหนักขึ้น แม้ว่าการจะถึงเป้าหมาย Net Zero จะไกล ก็ต้องรีบทำ แม้จะยังไม่เห็นผลก็ตาม"
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์ฯ ดำเนินการมาตลอดแม้จะยังไม่ส่งผลที่ชัดเจน แต่อย่างน้อยก็ไม่ทำร้ายสิ่งแวดล้อมมากขึ้น แม้จะไม่ดีขึ้นทันทีใน 1 วัน และการดำเนินการเพียงองค์กรเดียวอาจไม่เห็นผล จึงได้พยายามชวนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียรอบข้างให้เห็นภาพ และช่วยกันทำให้สิ่งแวดล้อมที่มีอยู่ให้เหลือถึงลูกค้า คนรุ่นหลังในอนาคต
ตลาดหลักทรัพย์ฯ วางเป้าหมายภายใน 3-5 ปี จะไปสู่ Net Zero ซึ่งที่ผ่านมาทำเรื่องความเป็นกลางทางคาร์บอนเรียบร้อยแล้ว ซึ่งหากทุกคนไม่ร่วมมือกัน คำว่า Net Zero ก็จะไม่เห็นผลโดยเฉพาะองค์กรขนาดใหญ่จะต้องเข้ามาผลักดัน เพื่อขยายวงกว้าง สร้างแรงตระหนักรู้แก่คนรอบข้างและองค์กรเล็กๆ เมื่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเห็นก็จะส่งผลไปถึงคนตัวเล็กรอบข้างให้ร่วมมือก้าวไปด้วยกัน
"เมื่อเราร่วมขยายวงกว้างในเรื่องของการให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม ทุกคนจะร่วมมือกัน เพราะถ้าเราไม่เริ่มจะไม่เหลืออะไรให้รุ่นลูกหลานหรือองค์กรในอนาคตจะไม่มีสิ่งแวดล้อมให้รักษา เช่น เราสิ่งต่อขยะชิ้นใหญ่ การบริหารจัดการก็จะยากขึ้น เพราะขนาดขยะก้อนเล็กๆ เรายังบริหารจัดการไม่ได้ แล้วหากปล่อยให้ก้อนใหญ่กว่านี้ จะบริหารจัดการได้อย่างไร"
สเตฟาน นูสส์ (Stephane NUSS) ประธานกลุ่มคลัสเตอร์ ดูแลประเทศไทย เมียนมา และลาว ชไนเดอร์ อิเล็คทริค บริษัทฯ ด้านการสร้างความยั่งยืนระดับโลก เน้นย้ำ การร่วมกันต่อสู้กับการ เปลี่ยนแปลงด้านสภาพภูมิอากาศ นับว่าเป็นความท้าทายที่สำคัญสำหรับทุกธุรกิจในปัจจุบัน และเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ ที่ต้องอาศัยความร่วมมือกันในทุกระดับ ทุกองค์กร ไม่ได้จำกัดเฉพาะบริษัทใหญ่ๆ จะเป็นองค์กรขนาดกลางและขนาดย่อม หรือสถาบันต่างๆ เราก็สามารถมาร่วมแบ่งปันเรื่องราวด้านความยั่งยืนร่วมกัน เพื่อสร้างแรงกระตุ้นให้เกิดกระแสและการปฏิบัติไปสู่ความยั่งยืนของโลกได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ในฐานะตัวแทน ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ประเทศไทย ขอเชิญชวนองค์กรต่างๆ มาร่วมเป็น Green Heroes for Life ด้วยกัน เพื่อสร้างความยั่งยืน เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น และเพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมาย Net Zero ในอนาคตร่วมกัน สนใจเข้าร่วม คลิกที่นี่ เราจะร่วมกันสร้างกระแสสร้างความยั่งยืนให้กับโลกไปพร้อมกัน นอกจากนี้ ยังพร้อมเป็นที่ปรึกษาให้กับทุกธุรกิจที่อยากก้าวไปข้างหน้าควบคู่กับการสร้างความยั่งยืนไปด้วยกัน