กฟผ. บุก COP29 ชูจุดเด่นลด PM 2.5 - มลพิษในไทย ด้วยกลยุทธ์ Triple S

กฟผ. บุก COP29 ชูจุดเด่นลด PM 2.5 - มลพิษในไทย ด้วยกลยุทธ์ Triple S

กฟผ. โชว์ชูจุดเด่นด้านความยั่งยืนด้วย Triple S ใน COP29 พร้อมนำวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรมาแปรรูปเป็นชีวมวลอัดแผ่น ลดเสียงและความร้อน ลดการเผาทางการเกษตร ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุของปัญหา PM 2.5 และภาวะโลกร้อน

การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. ร่วม เวที Thailand Pavilion ใน COP29 ณ กรุงบากู ประเทศอาเซอร์ไบจาน เพื่อแสดงศักยภาพความยั่งยืนของไทย ตอกย้ำบทบาทแผน ความเป็นกลางทางคาร์บอน ในไทย ภายในปี 2573 โดย กฟผ. มุ่งเน้นการ ลดก๊าซเรือนกระจก จากกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นการลด PM 2.5 จากภาคการเกษตรของไทย พร้อมนำวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรมาแปรรูปมาเป็นประโยชน์ต่อไป 

ซึ่ง กฟผ. ให้ความสำคัญกับพี่น้องชาวเกษตรกรและคุณภาพอากาศเป็นอย่างมาก โดย นายชัชวาล วงศ์มหาดเล็ก ฝ่ายบริหารและก่อสร้างโรงไฟฟ้า กฟผ. กล่าวว่า การทำเกษตรกรรม ถือเป็นอาชีพหลักของชาวอำเภอแม่เมาะ โดยมีการใช้พื้นที่เกษตรกรรมมากกว่า 65% สำหรับการปลูกข้าวโพดและมันสำปะหลัง อย่างไรก็ตามหลังจากการเก็บเกี่ยวพืชเหล่านี้แล้ว มักจะเหลือเศษวัสดุทางการเกษตร เช่น ลำต้น ใบ ซัง และตอ ซึ่งส่วนใหญ่จะถูกทิ้งหรือเผาทำลายโดยไม่มีการใช้ประโยชน์ อีกทั้งการเผาวัสดุเหล่านี้ยังเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์ โดยเฉพาะต่อระบบทางเดินหายใจ รวมถึงมลพิษจากหมอกควันหมอกควันข้ามพรมแดน และยังมีมลพิษทั่วประเทศและเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

กฟผ. จึงได้พัฒนาประโยชน์จากการเกษตรกรรม โดยนำวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรมาแปรรูปเป็นชีวมวลอัดแผ่น ซึ่งมีคุณสมบัติลดเสียงและความร้อน อีกทั้งยังลดการเผาวัสดุทางการเกษตรที่เป็นหนึ่งในสาเหตุของปัญหา PM 2.5 และ ภาวะโลกร้อน เป็นแผ่นลดเสียงจากข้าว แผ่นลดเสียงจากข้าวโพด และแผ่นลดเสียงจากข้าวและข้าวโพดรวมกัน ซึ่งเป็นสินค้าคาร์บอนต่ำและนำของเหลือทิ้งกลับมาใช้ประโยชน์ได้อีกด้วย

นายชาคริต เย็นที่ ฝ่ายบริหารและก่อสร้างโรงไฟฟ้า กฟผ. กล่าวเสริมถึงกระบวนการผลิตชีวมวลอัดแผ่น การเตรียมการแป้งเจลาตินโดยใช้แป้งมันสําปะหลังผสมกับน้ำ เตรียมยางธรรมชาติอีพอกไซด์ และยางธรรมชาติอีพอกไซด์ ใช้กาวอินทรีย์ ผสมยางธรรมชาติอีพอกซิไดซ์กับแป้งเจลาติน และสิ่งของเหลือใช้จากการเกษตร จะได้เป็นแผ่นบอร์ดบีบอัดวัสดุเหลือใช้จากธรรมชาติได้อย่างยั่งยืน

กฟผ. บุก COP29 ชูจุดเด่นลด PM 2.5 - มลพิษในไทย ด้วยกลยุทธ์ Triple S

นอกจากนี้ กลยุทธิ์ของทาง กฟผ. นั้นยังเป็นหัวใจสำคัญต่อความยั่งยืนที่จะนำไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน โดย ศ.ดร.พิสุทธิ์ เพียรมนกุล กรรมการ กฟผ. กล่าวว่า การเปลี่ยนผ่านภาคพลังงานมุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Energy Transition towards Carbon Neutrality) นั้นจะต้องมีกลยุทธ์ 4D1E โดยกรอบนโยบาย ระบบพลังงานที่ยั่งยืน มีประสิทธิภาพ และยืดหยุ่น ได้แก่ 1.การทําให้เป็นดิจิทัล ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน การจัดการระบบส่ง (Grid) และการมีส่วนร่วมของผู้บริโภค 2. การลดคาร์บอน การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยการเปลี่ยนไปใช้แหล่งพลังงานคาร์บอนต่ำ เช่น พลังงานหมุนเวียน 3. การกระจายอํานาจ การให้อํานาจแก่ผู้บริโภคและชุมชนในการสร้างพลังงานของตนเองผ่านแหล่งพลังงานแบบกระจาย 4. การเพิก ถอนกฎระเบียบ การสร้างตลาดพลังงานที่มีการแข่งขันสูงขึ้นเพื่อกระตุ้นนวัตกรรมและการลงทุน 5. กระแสไฟฟ้า การเพิ่มการใช้ไฟฟ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากแหล่งสะอาด เพื่อขับเคลื่อนภาคเศรษฐกิจต่างๆ

รวมถึงเพิ่มบทบาทด้านความยั่งยืนด้วย Triple S ไม่ว่าจะเป็น 1. Sources เพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ปรับปรุงโรงไฟฟ้าและระบบไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยีใหม่ 2. Sink เพิ่มแหล่งดูดซับกักเก็บคาร์บอน และ 3. Support Measures Mechanism ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่กับพัฒนาโครงการด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม รวมถึง Creating Shared Value ให้กับสังคม ชุมชนรอบเขื่อนและโรงไฟฟ้าอย่างยั่งยืน ด้วยโครงการนำร่อง "แม่เมาะเมืองน่าอยู่" เพื่อพัฒนาให้พื้นที่อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง เป็นเมืองเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ ด้วย 3 แนวคิด คือ Smart Energy, Smart Environment และ Smart Economy ในปี 2573 การปล่อยก๊าซเรือนกระจกถูกคาดการณ์ว่าจะลดลง 39% หรือ 140,293 tCO2eq

กฟผ. บุก COP29 ชูจุดเด่นลด PM 2.5 - มลพิษในไทย ด้วยกลยุทธ์ Triple S

ในส่วนของโรงไฟฟ้าอื่นๆ มีการเตรียมขยายผลยังพื้นที่เขื่อนรัชชประภา และโรงไฟฟ้ากระบี่ เพื่อช่วยขับเคลื่อนและสนับสนุนให้ประเทศไทยบรรลุตามเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ

จากความกังวลด้านสิ่งแวดล้อมในประเทศไทยภาคเหนือของไทยเผชิญกับปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะปัญหามลพิษทางอากาศ การปล่อยมลพิษยานพาหนะกิจกรรมทางอุตสาหกรรมและการปฏิบัติทางการเกษตรนำไปสู่ปัญหา มลพิษทางอากาศส่งผลกระทบต่อสุขภาพและระบบนิเวศของมนุษย์ ซึ่งต้องให้ความสนใจและมาตรการควบคุมอย่างเร่งด่วน

ในส่วนของนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อแก้ไขปัญหามลพิษทางเสียงและส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนส่งเสริมนวัตกรรม ในการหาวัตถุดิบสำหรับโครงการ กำหนดเป้าหมายที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมโดยผสมผสานเทคโนโลยีการดักจับคาร์บอน 

การส่งเสริมการเกษตรอย่างยั่งยืนผ่านการมีส่วนร่วมของชุมชน ส่งเสริมการปฏิบัติด้านการเกษตรที่ยั่งยืนโดยให้ความรู้แก่เกษตรกรและชุมชน แสวงหาความร่วมมือกับประเทศอย่างประเทศไทย เพื่อการแบ่งปันความรู้และผลประโยชน์ร่วมกัน จัดตั้งองค์กรที่มีประสิทธิภาพเพื่อสนับสนุนการริเริ่มการเกษตรที่ยั่งยืนต่อไป

กฟผ. บุก COP29 ชูจุดเด่นลด PM 2.5 - มลพิษในไทย ด้วยกลยุทธ์ Triple S