มีนาคม ลุ้น SET แกว่งขึ้น แรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย เริ่มมีความหวัง

มีนาคม ลุ้น SET แกว่งขึ้น แรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย เริ่มมีความหวัง

วิเคราะห์การลงทุนเดือนมีนาคม ลุ้น SET แกว่งขึ้น แรงขับเคลื่อนจากเศรษฐกิจไทยเริ่มมีความหวัง หลายฟันเฟืองเริ่มหมุนดีขึ้น พร้อมแนะ 4 หุ้นเด่น ประจำเดือนมีนาคม 2567

เดือนมีนาคม 2567 ลุ้น SET แกว่งขึ้น แรงขับเคลื่อนจาก เศรษฐกิจไทย เริ่มมีความหวัง ผสานการเข้าสู่ช่วงจ่ายปันผลเป็นแรงหนุนเพิ่มเติม ขณะที่ FED ยังไม่รีบลดดอกเบี้ย ด้านกลยุทธ์การลงทุน เน้นสะสมหุ้นกำไรเด่นอิงเศรษฐกิจไทยฟื้นตัว และหุ้นที่มีการจ่ายปันผลสูง โดย หุ้นเด่น เดือน มี.ค. นี้ แนะนำ AAV, CK, CPALL และ SCB

สิ้นสุดผลประกอบการ เข้าสู่ฤดูปันผล 

ผ่านพ้นช่วงการรายงานผลประกอบการของ บริษัทจดทะเบียน ในช่วง 4Q23 ไปแล้ว พบว่า กำไรสุทธิของบริษัทรวมค่อนข้างใกล้เคียงกับที่ตลาดคาด ซึ่งหากพิจารณาเป็นสัดส่วนรายบริษัทจะพบว่า บริษัทราว 40% รายงานกำไรเป็นไปตามคาด ขณะที่ 36% กำไรออกมาต่ำกว่าคาด และ 24% กำไรดีกว่าตลาดคาด โดยในช่วงถัดไปจะเข้าสู่ช่วงการประชุมนักวิเคราะห์ รวมไปถึงการทยอยประกาศเงินปันผล ดังนั้นคาดการณ์ว่าจะมีแรงเก็งกำไรมากขึ้นในหุ้นที่จ่ายปันผลสูง ซึ่งเดือนมีนาคมอาจเป็นจังหวะที่ดีในการทยอยสะสม เพื่อรอขึ้นเครื่องหมาย XD ในช่วงเมษายน - พฤษภาคม

สหรัฐยังไม่รีบลดดอกเบี้ย 

เดือนมีนาคมจะมีการประชุมธนาคารกลางสำคัญหลายแห่ง โดยจุดสำคัญจะอยู่ที่การประชุม ธนาคารกลางสหรัฐ ที่จัดขึ้นในวันที่ 19 - 20 มีนาคม แม้ว่ารอบนี้ เราและตลาดจะประเมินว่า FED จะไม่รีบลดดอกเบี้ยสหรัฐ แต่แน่นอนว่าดอกเบี้ยสหรัฐจะเริ่มปรับลงภายในปีนี้ โดยคาดว่าจะอยู่ในช่วงเดือนมิถุนายน ดังนั้นคงต้องติดตามโทนการประชุม, ถ้อยแถลงของประธาน FED, แนวโน้ม Dot Plot และตัวเลขเศรษฐกิจในช่วงถัดไป ซึ่งจะเป็นตัวแปรสำคัญ ส่วนการประชุมที่น่าสนใจอื่นๆ เช่น ประชุม ECB (7 มีนาคม), BOJ (18 - 19 มีนาคม) และ BOE (21 มีนาคม) ซึ่งคาดว่าทั้งหมดจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินเช่นกัน ดังนั้นหนุน หุ้นกลุ่มธนาคาร ที่ถูกกดดันในเรื่องดอกเบี้ยลด อาจจะมีแรงเก็งมากยิ่งขึ้น

หลายฟันเฟืองเริ่มหมุนดีขึ้น

แม้ปี 2023 เศรษฐกิจไทย ฟื้นตัวได้ค่อนข้างช้า สะท้อนจาก 2023 GDP ที่ขยายตัวได้เพียง +1.9% y-y ท่ามกลางภาคท่องเที่ยวที่ต่ำกว่าคาด, การลงทุนภาครัฐที่หดตัว และภาคส่งออกที่ลดลง อย่างไรก็ดีในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2024 เริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้น สะท้อนจากตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นเด่น +49% y-y ซึ่งเทียบเคียงระดับ 80% ของช่วงก่อน COVID19 โดยจีนกลับมาเป็นเบอร์หนึ่งของนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกครั้ง ส่วนภาคการส่งออกเดือนมกราคม ขยายตัว +10% y-y โดยขยายทั้งภาคเกษตรและอุตสาหกรรม 

ดังนั้นจึงคาดหวังว่า ปีนี้ส่งออกไทยทั้งปีจะกลับมาเป็นบวกได้ ส่วนด้านการลงทุนภาคเอกชนมีโอกาสฟื้นตัวตามนโยบายการส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐ สอดคล้องกับภาคการบริโภคที่ยังเติบโตดี ในขณะที่การใช้จ่ายของภาครัฐคาดจะกลับมาดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง จากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ โดยแนะติดตามการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี วาระ 2 - 3 ในช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้

สรุปก็คือ สัญญาณทั้งหมดล้วนบ่งชี้ว่า ฟันเฟืองเศรษฐกิจหลายตัวเริ่มหมุนมากขึ้น เป็นบวกต่อภาพเศรษฐกิจไทยปีนี้ และเพิ่มแรงเก็งกำไรในตลาดสินทรัพย์เสี่ยง

มีนาคม ลุ้น SET แกว่งขึ้น แรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย เริ่มมีความหวัง

กลยุทธ์การลงทุน 

คาด SET เดือนมีนาคมแกว่งขึ้นในกรอบ 1350 - 1420 จุด ขานรับแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่ค่อยๆ ฟื้นตัว ผสานกับแรงซื้อกลุ่มปันผลสูงจากการเข้าสู่ฤดูปันผล ขณะที่ดอกเบี้ยทั่วโลกคาดยังทรงตัว ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนเน้นหุ้นที่แนวโน้มกำไรดี ผสานหุ้นปันผลสูงที่คาดเป็นเป้าหมายของนักลงทุนสถาบันและต่างชาติ โดยสำหรับ Top Picks เดือนนี้ แนะนำ AAV, CK, CPALL และ SCB

4 หุ้นเด่น ประจำเดือนมีนาคม 2567

  • AAV (3.0*) คาดแนวโน้มผลการดำเนินงานช่วง 1Q24 จะปรับตัวขึ้นต่อเนื่องทั้ง q-q และ y-y จากจำนวนผู้โดยสารที่มากขึ้นขานรับมาตรการฟรีวีซ่า ไทย - จีน ผสานค่าโดยสารเฉลี่ยปรับตัวสูงขึ้น รวมไปถึงการเพิ่มเส้นทางการบินมากขึ้น ถือเป็นปัจจัยบวกต่อผลประกอบการ
  • CK (27.0*) คาดกำไรปี 2024 เติบโตเด่น จากธุรกิจรับเหมาที่เริ่มฟื้นตัว ผสานการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก BEM CKP ที่สูงขึ้น อีกทั้งการพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2024 ที่คาดว่าในช่วงปลายมีนาคม - เมษายน จะเป็นปัจจัยช่วยเร่งการเบิกจ่าย และหนุนงานประมูลภาครัฐมากยิ่งขึ้น
  • CPALL (72.0*) กำไร 4Q23 ทำได้โดดเด่น และคาดแนวโน้ม 1Q24 ยังมีทิศทางที่เติบโตต่อเนื่อง แรงขับเคลื่อนจากพัฒนาการที่ดีขึ้นของการบริโภค ผสานบริษัทลูกที่มีสัญญาณที่ดีขึ้น (CPAXT, Lotus) หนุนกำไรปี 24 คาดเติบโต +12%y-y ขณะที่ Valuation ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลังในอดีต
  • SCB (120.0*) ประกาศจ่ายปันผล 7.84 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราปันผลที่สูงถึง 6.5% เทียบเคียง Payout ratio ที่สูงถึง 80% (XD 17 เม.ย.) โดยปีนี้คาดยังคงเติบโตได้ดี และระยะกลางยังเน้นการเพิ่ม ROE ขณะที่ Valuation ยังซื้อขายเพียง PBV 0.75 เท่า

หมายเหตุ : *ราคาเป้าหมายจาก Bloomberg Consensus