จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน Rebranding ตอกย้ำความเป็นผู้นำธุรกิจด้านสุขภาพระดับโลก

"จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน" Rebranding ครั้งแรกในรอบ 137 ปี ตอกย้ำความเป็นผู้นำธุรกิจด้านสุขภาพระดับโลก มุ่งโฟกัส 2 ธุรกิจหลักที่ชำนาญการ "นวัตกรรมยา-เทคโนโลยีทางการแพทย์" สานต่อพัฒนาโซลูชันสำหรับ โรคซับซ้อน รักษายาก ควบคู่กับการเป็นบริษัทที่ตอบโจทย์ความต้องการทำงานของ คนรุ่นใหม่ มอบสวัสดิการที่โดดเด่น พร้อมคอยอยู่เคียงข้างในทุกช่วงเวลาสำคัญแบบที่ทุกคนมีความสุข มุ่งเน้นความหลากหลาย ความเสมอภาค และความเท่าเทียม 

ครั้งแรกในรอบ 137 ปี พร้อมประกาศใช้โลโก้ใหม่ 

จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับอุตสาหกรรมยา เทคโนโลยีทางการแพทย์ และสินค้าอุปโภคบริโภค ดูแลสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของคนทั่วโลกมาอย่างยาวนาน ซึ่งการ Rebranding ครั้งใหญ่เมื่อปี 2023 นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่บริษัทฯ ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1886 โดยดำเนินธุรกิจในไทยมายาวนานกว่า 50 ปี

การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ให้เหตุผลเพื่อตอกย้ำจุดยืนในฐานะผู้นำในกลุ่มธุรกิจด้านสุขภาพระดับโลกที่มีความโดดเด่นด้านนวัตกรรม มุ่งมั่นที่จะทำให้การดูแลสุขภาพของผู้คนทั่วโลกมีความก้าวหน้าไปไกลยิ่งกว่าเดิม ด้วยการผนึกกำลัง 2 ธุรกิจหลักที่ชำนาญการ และมีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงคือ ธุรกิจนวัตกรรมยา และเทคโนโลยีทางการแพทย์ ภายใต้ชื่อเดิมคือ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน 

พงศ์อมร ศาลางาม กรรมการผู้จัดการ บริษัท จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เมดเทค (ประเทศไทย) กล่าวว่า อัตลักษณ์ใหม่ขององค์กรสร้างขึ้น ไม่ทิ้งความเป็นมาอันยาวนาน แต่ปรับเปลี่ยนมุมมองของกลุ่ม ธุรกิจด้านสุขภาพ ให้มีความทันสมัย เปิดกว้าง อบอุ่น และเข้าถึงง่าย

สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือ "โลโก้ใหม่" สะท้อนความตั้งใจในการปรับตัวให้เป็นผู้นำธุรกิจด้านสุขภาพที่มีความทันสมัย ทั้งยังอ่านง่าย แสดงให้เห็นเรื่องความเท่าเทียม โดยสีประจำองค์กรคือ "สีแดง" เช่นเดิม เพราะสื่อให้เห็นถึงความสดใหม่ ความรวดเร็วในการตอบรับความท้าทายด้านสุขภาพต่างๆ ที่มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ แต่ทั้งนี้ไม่ทิ้งความเป็นมาอย่างยาวนานผ่านการออกแบบที่ซ่อนอยู่

พัฒนาโซลูชันโรคที่ซับซ้อนและยังไม่ได้รักษา 

พงศ์อมร กล่าวเพิ่มว่า การผนึกรวมธุรกิจครั้งนี้ จะยิ่งส่งเสริมความชำนาญการ และผลักดันศักยภาพ เพื่อเผชิญและรับมือความท้าทายด้านสุขภาพแบบองค์รวม เป็นก้าวสำคัญ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน โดยแบ่งสัดส่วนธุรกิจเป็นนวัตกรรมยา 65% และเทคโนโลยีทางการแพทย์ 35% เชื่อว่าจะสร้างศักยภาพทางการแข่งขันที่เหนือกว่าคู่แข่งอื่นๆ ในตลาด

"จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันเชื่อว่า สุขภาพคือทุกอย่าง บริษัทฯ จึงมุ่งเน้นในธุรกิจที่มีความชำนาญการ เพื่อที่จะยกระดับสุขภาวะที่ดีให้กับผู้คนได้มากขึ้น โดยเฉพาะ โรคซับซ้อน ที่ยังไม่ได้รับการรักษา หรือยังไม่มีแนวทางในการรักษา จะด้วยยาหรือการผ่าตัดก็ตาม เพื่อสร้างสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ทุกคนสามารถอยู่ได้อย่างมีความสุข ปลอดโรคภัยต่างๆ ด้วยยาหรือเครื่องมือแพทย์ที่จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันพัฒนาขึ้น" พงศ์อมร กล่าว  

เทคโนโลยี มุ่งเน้น 4 กลุ่ม 

"จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เมดเทค" (Johnson & Johnson MedTech) เป็นผู้นำเทคโนโลยีทางการแพทย์ ด้วยจุดเด่นด้านนวัตกรรมทางการแพทย์ มุ่งเน้นไปที่การรักษาอย่างตรงจุดในตำแหน่งที่เข้าถึงยากที่สุดของร่างกาย โดยสร้างผลกระทบต่อร่างกายน้อย และใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแบบเฉพาะบุคคล เพื่อจัดการกับ โรคซับซ้อน ใน 4 ด้านสำคัญ ต่อไปนี้

1. ออร์โธปิดิกส์ ในฐานะบริษัท ออร์โธปิดิกส์ ชั้นนำระดับโลก ในแต่ละปีช่วยผู้คนมากกว่า 6 ล้านคนกลับมาเคลื่อนไหวได้อีกครั้ง พร้อมส่งมอบคุณค่าและโซลูชันเพื่อการแก้ไขข้อต่อ กระดูกสันหลัง การผ่าตัดโดยใช้หุ่นยนต์และเครื่องมือดิจิทัล
2. การผ่าตัด นวัตกรรมเทคโนโลยีการผ่าตัด พร้อมโซลูชันต่างๆ เพื่อรักษาโรคอ้วน และโรคมะเร็ง
3. โซลูชันเพื่อการรักษาโรคหัวใจ และหลอดเลือด ดูแลการฟื้นตัวของหัวใจ โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ ยกระดับการรักษาโรคหลอดเลือดสมอง หัวใจล้มเหลว
4. วิชัน นำองค์ความรู้เชิงลึกมาปกป้อง ดูแล และรักษาสุขภาพดวงตายาวนานทั้งชีวิต 

ส่วนธุรกิจนวัตกรรมยา สร้างความเปลี่ยนแปลงด้านสุขภาพ มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมยาแห่งอนาคต เพื่อจัดการกับโรคภัยต่างๆ ที่ยากและซับซ้อน เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงยาสำหรับผู้ป่วย 

ในประเทศไทยอัตราเติบโตสูงขึ้นด้วยตัวเลข 2 หลัก (Double-Digit Growth)

ผลการดำเนินงานประจำปี 2023 ในระดับ Global สร้างยอดขายกว่า 85,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นรายได้จากธุรกิจนวัตกรรมยากว่า 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเทคโนโลยีทางการแพทย์กว่า 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

"อัตราการเติบโตในระดับ Global ทั้ง 2 ส่วนโตอยู่ที่ 7-8% ขณะที่ไทยมีการเติบโตสูงขึ้นด้วยตัวเลข 2 หลัก สะท้อนศักยภาพความเป็นผู้นำด้านสุขภาพที่น่าประทับใจ ในส่วนของเครื่องมือแพทย์ภายใต้การดูแลของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เมดเทค มีโอกาสที่จะเติบโตได้อีกมาก ด้วยปัจจัยบวกสนับสนุนจากทั้งภาครัฐและเอกชน ทั้งเรื่อง Medical Tourism ที่กลับมาเติบโตได้มากกว่าช่วงก่อนการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ความร่วมมือในการให้การอบรมบุคลากรทางการแพทย์ ทิศทางการสนับสนุนงานวิจัยด้านการแพทย์ซึ่งปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น รวมถึงการเพิ่มสิทธิประโยชน์การรักษาของหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่งเพิ่มรายการที่สามารถเบิกได้มากขึ้น ในส่วนของโรคกระดูกและข้อ ทำให้การรักษาครอบคลุมมากยิ่งขึ้น อีกหนึ่งเรื่องสำคัญคือ การเพิ่มขึ้นของผู้สูงอายุมากถึง 20% ในปี ค.ศ. 2040 ส่งผลต่อความต้องการในการดูแลสุขภาพแบบเฉพาะเจาะจง โดยเฉพาะเรื่องกระดูกและข้อ" พงศ์อมร กล่าว

CREDO เข็มทิศแนวทางทำงาน   

พงศ์อมร อธิบายว่า การดำเนินธุรกิจมากว่า 100 ปี สิ่งที่กำหนดแนวทางการทำงานของ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน คือ หลักความเชื่อมั่น CREDO ซึ่งครอบคลุมถึง 4 ส่วนสำคัญ ประกอบด้วย  

1. ผู้ป่วย ผู้ดูแลผู้ป่วย บุคลากรทางการแพทย์ และทุกคนที่ใช้สินค้าและบริการ โดยนำเสนอโซลูชันที่มีประสิทธิภาพสูง รักษาราคาสินค้าให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยมีโครงการความร่วมมือ เพื่อจัดอบรมพัฒนาทักษะความรู้ใหม่ๆ ให้กับบุคลากรทางการแพทย์สม่ำเสมอ
2. พนักงาน สร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่เปิดกว้าง เคารพในความแตกต่าง พัฒนาบุคลากร รวมถึงมอบสวัสดิการที่ดี เพื่อให้พนักงานสามารถรับผิดชอบต่อครอบครัวอย่างเต็มประสิทธิภาพ 
3. ชุมชน ต้องการที่จะเห็นคนในชุมชนหรือสังคมที่ดำเนินธุรกิจมีสุขภาวะที่ดี และพร้อมสนับสนุนกิจกรรมที่เป็นประโยชน์
4. นักลงทุน ผู้ถือหุ้น เรื่องของปันผลที่เป็นธรรม 

สวัสดิการที่ทุกคนพึงพอใจ  

"จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน" ยึดหลักความเชื่อมั่น CREDO และ 3 หลักสำคัญคือ ความหลากหลาย ความเสมอภาค และความเท่าเทียมเป็นพื้นฐาน คอยอยู่เคียงข้างพนักงานในทุกช่วงเวลาสำคัญของชีวิต เพื่อให้ทุกคนสามารถเป็นตัวเองในแบบที่ดีที่สุดได้ในทุกวัน พร้อมเพิ่มเติมสวัสดิการที่ตอบรับกับความต้องการของคนทำงานรุ่นใหม่มากขึ้น

การสนับสนุนความเป็นอยู่ที่ดีด้านสุขภาพกายและจิตใจ

• ประกันสุขภาพที่ครอบคลุมถึงสามี ภรรยา บุตร และคู่ชีวิตที่มีความหลากหลายทางเพศ
• Global Well-Being Reimbursement ให้พนักงานเบิกค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพได้ 17,940 บาท/ปี อาทิ ฟิตเนส, อุปกรณ์ออกกำลังกาย และกิจกรรมฟื้นฟูสุขภาพจิตใจ เป็นต้น
• โปรแกรมปรึกษาปัญหาสุขภาพจิตได้ (โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย) ทุกที่ทุกเวลา ทั้งพนักงานและครอบครัว 

การสนับสนุนด้านครอบครัวและคนใกล้ชิดของพนักงาน

• การลาแบบรับค่าจ้างเพื่อเลี้ยงดูบุตร รวมเวลา 18 สัปดาห์สำหรับแม่ และ 12 สัปดาห์สำหรับพ่อ รวมถึงผู้อุปการะบุตรบุญธรรม
• การลาแบบรับค่าจ้างเพื่อดูแลสมาชิกในครอบครัวใกล้ชิดที่ประสบอุบัติเหตุมีภาวะสุขภาพร้ายแรง 10 วันทำงาน หรือกรณีสมาชิกในครอบครัวเสียชีวิตได้รับค่าจ้าง 30 วันทำงาน 

การสนับสนุนรูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่นและวันลาต่างๆ

• นโยบายการทำงานแบบยืดหยุ่นหรือ J&J Flex ที่ให้อำนาจพนักงานในการเลือกรูปแบบการทำงานที่เหมาะกับชีวิตของตนเอง ในขณะเดียวกันยังสามารถรักษาประสิทธิผลในการทำงาน และประสิทธิภาพในการทำงานเป็นทีมได้เป็นอย่างดี
• สวัสดิการลาแบบรับค่าจ้างเพื่อไปเป็นอาสาสมัครเพื่อสังคม หรือเพื่อประกอบศาสนกิจ สำหรับทุกเพศและทุกศาสนา  

การสนับสนุนความเป็นอยู่ที่ดีในด้านการเงิน การเรียนรู้และการเติบโต

• กองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ให้ผลตอบแทนสูง เพื่อส่งเสริมการออมระยะยาวแก่พนักงาน
• แพลตฟอร์มการให้รางวัล "Inspire" เพื่อปลูกฝังวัฒนธรรมแห่งการชื่นชม
• "Educational Assistance Program" ให้ทุนสนับสนุนให้พนักงานเรียนรู้และต่อยอดศักยภาพ
• โปรแกรม J&J Learn แพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อพัฒนาความรู้แหล่งเดียวที่ครบถ้วน

"สวัสดิการที่ดีจะทำให้พนักงานมีความสุข เมื่อพนักงานพึงพอใจ มีความรักในองค์กร ก็อยากจะทำงานให้องค์กร พร้อมผลิตงานออกมาได้ดีและมีประสิทธิภาพ ซึ่งปัจจุบันอัตราความพึงพอใจและความตั้งใจจากการทำแบบสำรวจเมื่อปีที่ผ่านมาของพนักงานสูงมากและเป็นที่น่าพอใจ" พงศ์อมร กล่าว

ก้าวต่อด้วยโฟกัสที่แน่วแน่

ด้วยความมุ่งมั่นความรับผิดชอบต่อสังคมและนวัตกรรมด้านสุขภาพ ทำให้ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน พิชิตรางวัล Fortune World’s Most Admired Company 2023 ที่ผ่านมา อยู่ใน Top 10 หรือ Top 20 มาอย่างต่อเนื่อง 

พงศ์อมร กล่าวทิ้งท้าย การ Rebranding ครั้งนี้ ทำให้บริษัทฯ มีศักยภาพที่ดีขึ้น มีความชัดเจน โฟกัสที่แน่วแน่มากขึ้น ในเรื่องการรักษาคนไข้ด้วยยา เครื่องมือแพทย์ มุ่งหวังเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ชีวิตของคนไข้ทั่วโลกดีขึ้น และต้องการที่จะดึงดูด คนรุ่นใหม่ ที่มีความสามารถเข้ามามีส่วนร่วมทำให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยดีขึ้น