ก้าวใหม่ 'ประกันภัยไทยวิวัฒน์' กว่า 7 ทศวรรษ สู่หลักประกันที่มั่นคงและยั่งยืนของคนไทย

ในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง มีความไม่แน่นอนเกิดขึ้นมาก ทั้งจากสภาพสิ่งแวดล้อม สภาพเศรษฐกิจ และสังคม ฉะนั้นการเข้าถึง "ประกันภัย" เป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับ "คนไทย" โดยเป็นที่ทราบกันดีว่า "ธุรกิจประกันภัย" สามารถเข้ามา "สร้างความยั่งยืนให้กับสังคมไทย" ได้ จากการที่ธุรกิจประกันภัยเข้ามาช่วย "บริหารและจัดการกับความเสี่ยง" ทั้งทรัพย์สินและชีวิตของคนไทย เมื่อคนไทยมีความมั่นคงที่ดี สามารถแบ่งปันสิ่งที่ดีให้กับสังคมที่ดีกว่าเดิม 

แนวคิดดังกล่าวนับเป็นความตั้งใจของ บริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านนวัตกรรมประกันภัย ( Insurtech) มี "ความมุ่งมั่นกว่า 7 ทศวรรษ" เพื่อเป็นหลักประกันที่มั่นคงและยั่งยืนของคนไทย 

ดังนั้น ก้าวใหม่ในปีที่ 74 ของประกันภัยไทยวิวัฒน์ ตอกย้ำแนวคิด "Beyond Insurance" เป็นมากกว่าประกันภัย "เดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนคืนสู่สังคม" ฉากทัศน์กว่า 7 ทศวรรษที่ผ่านมา "ประกันภัยไทยวิวัฒน์" มุ่งมั่นที่จะเป็นหลักประกันที่มั่นคงของคนไทย โดยมี "จีรพันธ์ อัศวะธนกุล" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ เป็นผู้จุดประกายสร้างการเปลี่ยนแปลงและสิ่งใหม่ ให้กับอุตสาหกรรมประกันภัย ด้วยนวัตกรรม และมุ่งมั่นเป็นผู้นำ Insurtech ให้คนไทยเข้าถึงการประกันภัยได้ง่ายขึ้นและธุรกิจประกันภัยสามารถเติบโตควบคู่กับการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมไทยได้อย่างยั่งยืน 

จีรพันธ์ อัศวะธนกุล กล่าวว่า เราตระหนักถึงความสำคัญในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ที่จะเติบโตควบคู่ไปพร้อมกับสังคมไทย เพื่อให้คนไทยเข้าถึงการประกันภัยได้ง่ายขึ้น ภายใต้วิสัยทัศน์ "คิดเผื่อเพื่อทุกชีวิต" ในทุกสถานการณ์และทุกความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น 

"เราเชื่อว่า การประกันภัยเป็นส่วนหนึ่งที่จะสามารถสร้างความยั่งยืนให้กับสังคมเพื่อจัดการความเสี่ยงทั้งในชีวิตและทรัพย์สิน เมื่อคนไทยมีความมั่นคงในการดำเนินชีวิตแล้ว ก็จะมีความพร้อมในการทำสิ่งดีๆ และสามารถส่งต่อให้กับผู้อื่นภายในสังคมด้วยเช่นกัน"

อีกก้าวที่สำคัญ ในโอกาสก้าวสู่ปีที่ 74  ยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องเข้ามาช่วยกัน "สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับสังคมไทยไปอีกขั้น" ด้วยการพัฒนาและออกแบบผลิตภัณฑ์ รวมถึงการบริการที่มีความยืดหยุ่นและเข้าใจผู้บริโภคในทุกมิติเพื่อให้สอดรับวิถีชีวิตและความต้องการเฉพาะบุคคล (Personalized) เพื่อให้คนไทยสามารถเลือกผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการ และวิถีชีวิตของตนเองได้อย่างแท้จริง รวมถึงได้รับความคุ้มครองที่เพียงพอและเหมาะสมกับตนเอง

ประกันรถเปิดปิด ฟีเจอร์ใหม่ "รถติดไม่คิดเบี้ย"  

ดังนั้น ในโอกาสนี้ ครั้งแรกของไทย! ประกันภัยไทยวิวัฒน์ เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ ประกันรถเปิดปิด "รถติดไม่คิดเบี้ย" โดย "เทพพันธ์ อัศวะธนกุล" รองกรรมการผู้อำนวยการ มือปลุกปั้นต่อยอดความสำเร็จประกันรถเปิดปิด ที่คิดเผื่อเพื่อผู้บริโภคไปอีกขั้น สร้างความแฟร์คืนความคุ้มค่าที่มากกว่า 

เทพพันธ์ กล่าวว่า เรายังมุ่งเติมเต็มการใช้ชีวิตและความต้องการที่หลากหลายของแต่ละบุคคลด้วยการนำ InsurTech มาใช้เพื่อยกระดับบริการและสร้างประสบการณ์ประกันภัยแห่งอนาคต  โดยเฉพาะ "ผลิตภัณฑ์ประกันรถเปิดปิด" กับแนวคิด จอดรถไว้ไม่ขับ ไม่ต้องจ่ายค่าประกัน ไม่ว่าจะขับมาก ขับน้อย หรือไม่ค่อยได้ขับก็ประหยัดสูงสุดถึง 80% เพื่อให้คนไทยเข้าถึงการประกันภัยมากที่สุด 

นอกจากประกันรถเปิดปิด จะให้ลูกค้าจ่ายเบี้ยตามที่ขับแล้ว ยังคืนชั่วโมงความคุ้มครองกรณีรถติดให้อัตโนมัติ โดยยังคงคอนเซปต์การใช้งานง่ายและสะดวกผ่านอุปกรณ์ TVI Connect สร้างประสบการณ์ที่ดีแบบไร้รอยต่อให้กับผู้ใช้งานโดยไม่ต้องทำอะไรต่างไปจากเดิม ระบบก็สามารถคำนวณเวลาในช่วงรถติด คืนให้ลูกค้าได้อย่างแม่นยำ ซึ่งการคำนวณชั่วโมงคืนนั้น ระบบจะคิดตั้งแต่รถเคลื่อนที่ออกจากตำแหน่ง 500 เมตรเป็นต้นไป และวิ่งด้วยความเร็วน้อยกว่า 10 กิโลเมตร/ชั่วโมง และนาน 5 นาทีขึ้นไป หลังจากนั้นจะทำการคืนชั่วโมงความคุ้มครองสูงสุด 2 ชั่วโมง/วัน ให้ลูกค้าอัตโนมัติผ่านแอปพลิเคชัน Thaivivat

นายเทพพันธ์ ยังอธิบายต่อว่า สำหรับที่มาของแนวคิดการคืนชั่วโมงความคุ้มครองประกันรถเปิดปิดขณะรถติดนั้น เป็นเพราะบริษัทฯ ได้เล็งเห็นความสำคัญของความคุ้มค่าที่ลูกค้าจะได้รับเป็นหลัก เนื่องจากขณะรถติด ความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นก็ลดลง โอกาสการเกิดอุบัติเหตุก็มีน้อย เช่นเดียวกับจอดรถไว้ไม่ได้ขับ ก็ไม่จำเป็นต้องเสียค่าเบี้ยประกัน ดังนั้นเพื่อเป็นการคืนความคุ้มค่าให้กับลูกค้าและมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งกว่า บริษัทฯ จึงไม่คิดเบี้ยประกันขณะรถติดแต่ยังให้ความคุ้มครองครบตลอด 24 ชั่วโมง ตามแผนประกันที่ลูกค้าเลือก

"เราเน้นเข้าใจ Pain Point ของลูกค้าในทุกมิติ คืนความคุ้มค่าสู่ลูกค้า ต่อยอดความสำเร็จและเพิ่มประสบการณ์ใช้งานที่มากกว่าแบบไร้รอยต่อ คืนชั่วโมงความคุ้มครองลูกค้าขณะรถติดให้อัตโนมัติ" 

ส่งต่อสิ่งดีคืนสู่สังคม Thaivivat Caring Forward 

พร้อมกันนี้ ประกันภัยไทยวิวัฒน์ ยังได้ส่งต่อสิ่งดีคืนสู่สังคม ผ่านแคมเปญ Thaivivat Caring  Forward คิดเผื่อเพื่อสังคม "เทพพันธ์" ยังกล่าวต่อว่า ในโอกาสก้าวสู่ปีที่ 74 ประกันภัยไทยวิวัฒน์ ยังคิดเผื่อเพื่อสังคม และเพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสังคมแห่งการแบ่งปัน และส่งเสริมการขับรถปลอดภัย จึงได้จัดแคมเปญ "Thaivivat Caring Forward คิดเผื่อเพื่อสังคม" ภายใต้คอนเซปต์ Beyond Insurance for a Better Society มากกว่าประกันภัยคืนสู่สังคม ด้วยการเชิญชวนลูกค้าประกันภัยรถยนต์ ทำความดี ขับรถปลอดภัย เพียงแค่ทำประกันภัยรถยนต์แล้วไม่มีการเคลมที่เป็นฝ่ายผิด นอกจากลูกค้าจะได้รับส่วนลดประวัติดีในปีถัดไปแล้ว บริษัทฯ ยังจะมอบเงินบริจาคในนามของผู้เอาประกันภัยให้กับมูลนิธิหรือองค์กรเพื่อสาธารณกุศลเพื่อช่วยเหลือสังคม พร้อมได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามเงื่อนไขของสรรพากรอีกด้วย 

โดยลูกค้าสามารถเลือกบริจาคให้กับมูลนิธิในโครงการฯ ได้แก่ โครงการเงินทุนฉุกเฉินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ สภากาชาดไทย, มูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์, มูลนิธิยุวพัฒน์, มูลนิธิกระจกเงา, กองทุนอาคารเฉลิมพระเกียรติฯ มูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก และมูลนิธิเดอะวอยซ์ (เสียงจากเรา) ตามความต้องการของตนเองได้ผ่านการลงทะเบียนที่แอปพลิเคชัน Thaivivat  

สำหรับลูกค้าประกันภัยไทยวิวัฒน์ ผู้ถือกรมธรรม์ชั้น 1 ทั้งแบบรายปีทั่วไปและแบบประกันรถเปิดปิด ที่สนใจเข้าร่วมโครงการฯ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ และสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ได้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 ถึง 31 มีนาคม 2568 นี้ ผ่านแอปพลิเคชัน Thaivivat 

ผนึกพันธมิตรมอบบริจาค คิกออฟ 1 ล้านบาท 

อีกทั้ง ประกันภัยไทยวิวัฒน์ ยังได้จัดงานคอนเสิร์ตเพื่อการกุศล Thaivivat Caring Forward คิดเผื่อเพื่อสังคม โดยถ่ายทอดบทเพลงในเพลย์ลิสต์ Caring & Giving เพื่อสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและใกล้ชิดกับ ศิลปินชั้นนำ คุณนภ พรชำนิ และ คุณแสตมป์ อภิวัชร์ รวมถึงการแสดงจากน้องๆโรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพฯ ที่มาร่วมขับร้องภายในงานเพื่อ ขอบคุณแขกผู้มีเกียรติที่ได้มาสร้างการมีส่วนร่วมในการแบ่งปันเพื่อสังคม 

นอกจากนี้ ประกันภัยไทยวิวัฒน์ ยังได้ร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ คิกออฟเงินบริจาคให้กับมูลนิธิเพื่อสังคมและองค์กรเพื่อสาธารณกุศลในโครงการฯ เริ่มต้น 1 ล้านบาท รวมถึงเพื่อเชิญชวนบอกต่อความดีและส่งเสริมการขับขี่ปลอดภัยในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน