ให้เวลาตัวเองได้ชาร์จแบตฯ เติมพลังใจ กับนิทรรศการ 'พาใจกลับบ้าน Homecoming'
ชวนปล่อยใจไปกับนิทรรศการ “พาใจกลับบ้าน” ที่จะพาสัมผัสกับแสง สี เสียง และสัมผัส ที่เงียบสงบ ทำให้จิตใจผ่อนคลายจากเรื่องหนักใจต่างๆ เข้าชมงานได้ 1 ปีเต็ม ที่ ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์
ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของสภาพสังคม ทั้งด้านเศรษฐกิจ และการเมือง รวมถึงโรคระบาดใน 2-3 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้สภาพจิตคนไทยจำนวนมากมีจิตใจที่ย่ำแย่ลง อ้างอิงข้อมูลจาก กรมสุขภาพจิต ประเมินว่า อัตราการฆ่าตัวตาย สำเร็จของประเทศไทยปี พ.ศ. 2564 อัตราการฆ่าตัวตายสำเร็จ ยังเพิ่มสูงขึ้นเป็น 7.38 ต่อประชากรแสนคน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยโลก และสูงกว่าเป้าหมายของกรมเป็นอย่างมาก
จากปัญหาที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ผู้คนเกิดความเครียดในการใช้ชีวิตมากขึ้น จึงทำให้นิทรรศการ "พาใจกลับบ้าน Homecoming" กลับมาอีกครั้ง นิทรรศการศิลปะผสมการดูแลจิตใจ จาก "อายดรอปเปอร์ ฟิลล์" โดยคอนเซปต์มาในรูปแบบการมอบพื้นที่ความปลอดภัยให้กับทุกคน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่จะให้ทุกคนมาสำรวจความรู้สึกของตนเองว่าตอนนี้เราเป็นอย่างไรบ้าง ผ่านแสง สี เสียง และการได้สัมผัส โดยพื้นที่สร้างสรรค์นี้ ได้รับการออกแบบร่วมกับนักจิตวิทยา โดยภายในงานจะมี 6 จุดไฮไลต์
"ห้องวางสัมภาระ"
เมื่อได้เริ่มเข้าไปที่ห้องแรกอย่าง "ห้องวางสัมภาระ" โซนนี้เปรียบเสมือนพื้นที่ ที่ให้เราได้วางความทุกข์ทุกสิ่งที่ได้เจอมาในแต่ละวันไว้ในที่ที่กำหนดไว้ เพื่อให้เราได้เตรียมพร้อมร่างกาย และความรู้สึกให้เบาลง เพื่อออกเดินทางไปยังพื้นที่ที่จะช่วยปลอบประโลมหัวใจของเรา
"ห้องสำรวจ"
เมื่อก้าวขาเข้ามายังห้องถัดไป เราจะได้พบคำถามบนกำแพงว่า "รู้สึกอย่างไรอยู่" เมื่อได้เห็นคำถามนั้นแล้วทำให้เรานึกสิ่งต่างๆ มากมายอยู่หัว หลังจากนั้นเรามีความรู้สึก อึดอัด เสียใจ หรือมีความสุข เราจะนำคำตอบเหล่านั้นไปฝนปากกาดำลงแผ่นกระดานที่มีรูปร่างกาย หลังจากที่เราได้ระบายความรู้ที่อัดอั้นต่างๆ ออกมาแล้ว จะนำแผ่นกระดานไปประเมินว่าคลื่นความรู้สึกของตัวเรานั้นขึ้นอย่างไร ซึ่งแต่ละคนก็จะมีกราฟที่แตกต่างกันไป
"ห้องโอบรับ"
"เว้าแหว่ง ก็สวยงาม เชื่อในความไม่สมบูรณ์แบบอย่างที่เธอเป็น คอยประคับประคองหัวใจตัวเองไว้ หยุดนิ่งให้ความมั่นคงปลอบประโลม"
เมื่อก้าวเข้าสู้ห้องนี้ เรารู้สึกถึงความอบอุ่น เปรียบเสมือนเราได้ไปอยู่ในธรรมชาติที่เขียวชอุ่ม ที่มีเสียงสายน้ำ ดนตรีบรรเลงเบาๆ กับไฟที่สลัว เมื่อเราได้ไปนั่งใกล้ๆ เสา ที่มีความคล้ายกับรากไม้นั้น ก็เหมือนกับการได้โอบกอดธรรมชาติ ทำให้เรารู้สึกจิตใจสงบ เหมือนได้อยู่ในพื้นที่ที่เป็นเซฟโซนของตนเอง จะดีกว่านี้หากเราได้อยู่ตรงนั้นนานๆ และมีหนังสือเล่มโปรดสักเล่มจะยิ่งทำให้เรามีความสุขที่มากขึ้น
พื้นที่ความเงียบงัน อบอุ่น จะทำให้เราได้เข้าความรู้สึกในใจ และพร้อมสัมผัสถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้นตรงหน้า ทั้งความเจ็บปวด ความไม่สมบูรณ์แบบ ทุกความรู้สึกที่เกิดขึ้นในตัวล้วนเป็นสิ่งที่เกิดจากธรรมชาติ
"ห้องเฝ้าดู"
"นั่งมองกระแสน้ำ ฟังเสียงกระแสใจ หันหน้าเข้าหาโลกภายใน เฝ้ามองทุกความรู้สึกที่กำลังจะเกิดขึ้น"
สำหรับห้องนี้ พร้อมให้ทุกคนทิ้งตัวลง เอนกายนอนอย่างช้าๆ บนลูกบอลเล็กหลายร้อยลูก ที่เปรียบเสมือนทิ้งตัวให้ลอยบนน้ำ พร้อมซึมซับบรรยากาศแล้วหลับตาลงทบทวนสิ่งต่างๆ ในชีวิต เฝ้าดู รับรู้ ความคิดที่ไหลผ่านตัวเราในแบบที่ไม่ต้องแก้ไข เพียงแค่ปล่อยให้มันไหลผ่านไป หลังจากเราได้ทบทวนความรู้สึกต่างๆ สามารถมาเขียนบนกำแพงเพื่อปล่อยความรู้สึกต่างๆ ทิ้งไว้ในที่แห่งนี้
"ห้องข้ามผ่าน"
"เศษเสี้ยวของบทสนทนา หลายถ้อยคำ หลากเรื่องราวที่เป็นกระจกสะท้อนถึงตัวเรา กระจกที่อยากให้คุณสำรวจตัวเองว่า การที่เรามีเมตตาต่อตัวเองช่วยให้ผ่านช่วงเวลาที่โหดร้ายเหล่านั้นมาได้อย่างไร?"
ห้องนี้เมื่อเข้าไปแล้วจะพบผู้คนหลายคนนั่งล้อมวง ทุกคนต่างมีหูฟัง และกำลังรับฟังเรื่องราวของผู้อื่น โดยระหว่างที่เรารับฟังความรู้สึกคนอื่นแล้ว เรายังสามารถร่วมแชร์สิ่งต่างๆให้กันได้
เสียงสะท้อนแผ่วเบาดังอยู่รอบตัว ให้ทุกคนเอนตัวลงนอนบนหมอน รับฟังเรื่องราวของคนอื่น ในขณะที่เราตั้งใจฟังอยู่นั่น เราจะได้ฟังเสียงหัวใจของตัวเองไปพร้อมๆ กัน ว่าเราต้องการอะไร หลังจากฟังความรู้สึกคนอื่น ลองได้นึกดูว่าเราปลอบคนอื่นอย่างไร เราก็จะนำวิธีนั้นมาปลอยใจตัวเอง เพื่อให้ชีวิตที่ต้องเผชิญหลังจากนี้ผ่านไป
"ห้องตกผลึก"
"เปลือกอันหนาแน่นที่ห่อหุ้ม ถูกกะเทาะให้เหลือเพียงแก่งภายใน อะไรคือคุณค่าและตัวตนที่แท้จริงที่อยู่ภายใต้เปลือกนั้น"
ห้องนี้พอได้เข้าไปแล้ว จะได้พบกับก้อนหินหลายก้อน พร้อมทรายหลายกองให้เราได้ไปเขียนความรู้สึกทั้งหมดที่ได้ผ่านมาในแต่ละห้อง ตามคำถามที่มีไว้ให้ เช่น คุณค่าในตัวเองที่คุณรับรู้ได้ชัดเจนคืออะไร ให้เราได้ไตร่ตรองแล้วเขียนลงไป เพื่อที่จะได้เรียนรู้คุณค่าของตนเอง ว่าเรามีประโยชน์ด้านไหนบ้างในการใช้ชีวิต
ก่อนจะจากบ้านหลังนี้ กลับสู่โลกความเป็นจริง พื้นที่สุดท้ายนี้อยากให้ทุกคนที่เข้าชมงานตอบคำถามแต่ละข้อ เพื่อให้ตัวเองกลับมาเป็นบ้านของใจได้อีกครั้ง
หลังจากที่ได้เข้าชมนิทรรศการ "พาใจกลับบ้าน Homecoming" แล้ว ทำให้เราได้อยู่กับตัวเองมากขึ้น ได้คิดและกลั่นกรองสิ่งต่างๆ ที่เรารู้สึกมากขึ้น จากสถานที่เงียบๆ ที่มีเสียงดนตรีเบาๆ และไฟที่สลัวๆ ช่วยให้ความรู้สึกที่เครียด กังวลอยู่นั้นดีขึ้น
ใครที่อยากหาที่พักใจสักที่หนึ่ง ในเวลาที่เหนื่อยล้า แนะนำให้มานิทรรศการ "พาใจกลับบ้าน" ที่ ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ โซน MMAD-MunMun Art Destination ชั้น 2 เวลา 11.00-20.00 น. (ไม่มีแบ่งรอบ และไม่จำกัดเวลาในการเข้าชม) สามารถเข้าชมรอบสุดท้ายเวลา 19.30 น. ซื้อบัตรเข้าชมงานได้ ที่นี่