'ไต้หวัน' อาณาจักรผู้ผลิตชิป สู่ศูนย์กลางเทค 'Asia New Bay Area' นำนวัตกรรมโลก
ก้าวต่อไปของไต้หวันในฐานะอาณาจักรผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ สู่การก่อตั้ง "Asia New Bay Area Intelligent Technology Innovation Park" อุทยานสร้างสรรค์นวัตกรรม ที่รวมกลุ่มคลัสเตอร์ผู้นำเทคโนโลยีระดับโลกกว่า 175 บริษัท
ในฐานะผู้นำสำคัญของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีระดับโลก "ไต้หวัน" มุ่งเดินหน้าพัฒนาคลัสเตอร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมด้วยนโยบายภาครัฐและการสนับสนุนแหล่งเงินทุน ได้ก่อตัั้ง "Asia New Bay Area Intelligent Technology Innovation Park" ผ่านโครงการ "โปรแกรมส่งเสริมอุทยานนวัตกรรมเทคโนโลยีอัจฉริยะไต้หวัน 2.0" ซึ่งเป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่ มูลค่ามากกว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดยโครงการดังกล่าว ไม่เพียงแต่เสริมสร้างตำแหน่งเชิงกลยุทธ์ในภูมิทัศน์เทคโนโลยีระดับโลกให้กับไต้หวันเท่านั้น แต่ยังสร้างแพลตฟอร์มการพัฒนาใหม่สำหรับบริษัทระดับนานาชาติอีกด้วย ซึ่งความพยายามนี้ประสบความสำเร็จในการดึงดูดบริษัทชั้นนำให้เข้ามาในอุทยาน ส่งเสริมการเชื่อมโยงกับโอกาสทางธุรกิจในเอเชียแปซิฟิก และนำพาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสู่ยุคใหม่
ในอนาคต อุตสาหกรรมเทคโนโลยีระดับโลกกำลังก้าวไปสู่การพัฒนาและการประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI), อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (IoT) และ 5G ซึ่งทำให้ ไต้หวัน มีบทบาทสำคัญในเวทีระหว่างประเทศ ในฐานะห่วงโซ่อุปทานผลิต เซมิคอนดักเตอร์ ขั้นสูง แหล่งผลิตบุคลากรด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะบริษัท Taiwan Semiconductor Manufacturing Company (TSMC) และบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ชั้นนำอื่นๆ ที่มีความสามารถในการผลิตที่ได้รับความไว้วางใจ และเป็นผู้สนับสนุนด้านเทคโนโลยีที่จำเป็นแก่อุตสาหกรรมทั่วโลก
ปัจจัยดังกล่าว ได้เน้นย้ำถึงคุณค่าและความสำคัญของไต้หวันต่อนวัตกรรมทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านเทคโนโลยีขั้นสูง กำลังการผลิตของโรงงาน และการออกแบบวงจรรวม (IC) ข้อได้เปรียบในการแข่งขันที่เป็นเอกลักษณ์ของไต้หวันทำให้ไต้หวันมีบทบาทเป็นพันธมิตรที่ขาดไม่ได้สำหรับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีระดับโลก
ดังนั้น เพื่อใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบเหล่านี้อย่างเต็มที่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้บูรณาการทรัพยากรและนโยบายของรัฐบาลเพื่อขยายการพัฒนาคลัสเตอร์นวัตกรรมทางเทคโนโลยีจากภาคเหนือไปยังภาคใต้ของ ไต้หวัน โดยโครงการเชิงกลยุทธ์นี้มุ่งสร้างการเติบโตของภูมิภาคควบคู่ไปกับการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวันกับตลาดเอเชียแปซิฟิก ด้วยการส่งเสริมการรวมกลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งการรวมกลุ่มที่เกิดขึ้นนั้นคาดว่าจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันโดยรวมของไต้หวันในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีระดับโลกอย่างมีนัยสำคัญ
รวมศูนย์บริษัทเทคชั้นนำโลก สร้างศูนย์กลางนวัตกรรม
ภายใต้การดำเนินนโยบายเชิงกลยุทธ์ "Asia New Bay Area Intelligent Technology Innovation Park" ได้ประสบความสำเร็จในการดึงดูดบริษัทชั้นนำกว่า 175 แห่งทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะผู้นำอุตสาหกรรม 5 บริษัทที่เป็นแม่เหล็กของโครงการ โครงการนี้จึงพัฒนาไปสู่ศูนย์กลางนวัตกรรมระดับโลกอย่างรวดเร็ว
โดยหนึ่งในความสำเร็จที่สำคัญของโครงการนี้คือ การลงทุนหลายสิบล้านดอลลาร์ของ IBM (International Business Machines) ในการจัดตั้ง "ศูนย์บริการบูรณาการเทคโนโลยีซอฟต์แวร์" ซึ่งเน้นย้ำถึงความเชื่อมั่นที่ธุรกิจระหว่างประเทศมีต่อระบบนิเวศนวัตกรรมของไต้หวัน ด้วยการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และการประมวลผลแบบคลาวด์ ศูนย์บริการของ IBM มีโซลูชันการปรับเปลี่ยนสู่ดิจิทัลแบบครบวงจรให้กับองค์กรต่างๆ
บริษัท Qualcomm ผู้ออกแบบชิปชั้นนำของสหรัฐอเมริกา ได้จัดตั้งศูนย์นวัตกรรมในเอเชีย นิว เบย์ แอเรีย อินเทลลิเจนท์ เทคโนโลยี อินโนเวชัน พาร์ค โดยมุ่งเน้นการพัฒนาการสื่อสาร 5G, IoT และชิป AI ผ่านความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับห่วงโซ่อุปทานของไต้หวัน ศูนย์นวัตกรรมของ Qualcomm มีเป้าหมายที่จะเร่งการพาณิชย์เทคโนโลยีล้ำสมัยของบริษัท
นอกจากนี้ Cathay Financial Holdings ได้ร่วมมือกับ Amazon Web Services (AWS) เปิดตัว "ศูนย์นวัตกรรมการเงินระหว่างประเทศ" ซึ่งกำหนดมาตรฐานใหม่สำหรับการเงินดิจิทัล ความร่วมมือนี้เน้นย้ำถึงการผสานรวมที่ประสบความสำเร็จระหว่างเทคโนโลยีและบริการทางการเงิน ซึ่งสร้างโอกาสใหม่ๆ สำหรับนวัตกรรมในภาคการเงิน
ขณะเดียกันบริษัท NVIDIA ได้ประกาศจัดตั้ง "ศูนย์คอมพิวเตอร์ขั้นสูงซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Taipei-1 AI" ในสวนซอฟต์แวร์เกาสง ซึ่งเป็นผู้นำในการลงทุนที่เพิ่มขึ้นใน Asia New Bay Area โดยศูนย์ฯ ดังกล่าวนี้จะมุ่งเน้นการพัฒนา AI, ยานยนต์ไฟฟ้า (EV), โรงงานอัจฉริยะ, หุ่นยนต์ และโซลูชันเมืองอัจฉริยะ โดยมีเซิร์ฟเวอร์ชิปขั้นสูงเป็นแกนหลัก กลยุทธ์นี้จะทำให้ไต้หวันกลายเป็นศูนย์กลางสำคัญในระบบนิเวศอุตสาหกรรม AI ระดับโลก
ศูนย์นวัตกรรมเทคฯ ไต้หวันมุ่งสู่ตลาดโลก
ในฐานะศูนย์กลางสำคัญของนวัตกรรมทางเทคโนโลยีในไต้หวัน "Asia New Bay Area Intelligent Technology Innovation Park" ทำหน้าที่เป็นจุดเชื่อมโยงสำคัญระหว่างไต้หวันกับตลาดเอเชียแปซิฟิก ด้วย อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ที่แข็งแกร่งและความสามารถทางเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ไต้หวันจึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่บริษัทชั้นนำเลือกใช้ในการขยายไปสู่ตลาดอาเซียน การวางตำแหน่งเชิงกลยุทธ์นี้ค่อยๆ เสริมสร้างบทบาทของไต้หวันในตลาดโลกอย่างมั่นคง
ตัวอย่างเช่น Foxconn Technology Group กำลังผลักดันการพัฒนาระบบนิเวศแอปพลิเคชันเมืองอัจฉริยะที่ใช้ AI อย่างจริงจัง โดยใช้ "Asia New Bay Area Intelligent Technology Innovation Park" เป็นฐานปฏิบัติการ ซึ่งครอบคลุมโซลูชันเทคโนโลยีล้ำสมัยในด้านการขนส่งอัจฉริยะ, การดูแลสุขภาพอัจฉริยะ และโครงสร้างพื้นฐานเมืองอัจฉริยะ
ขณะเดียวกัน Foxconn วางแผนจะจัดตั้งศูนย์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ใน "Asia New Bay" สถานที่แห่งนี้จะไม่เพียงแต่ให้พลังการประมวลผล AI ที่ทรงพลังเท่านั้น แต่ยังสนับสนุนความพยายามในการปรับเปลี่ยนสู่ดิจิทัลของภูมิภาค
นอกจากนั้น Foxconn ยังได้สร้างโรงงานอัจฉริยะแห่งแรกในพื้นที่ Asia New Bay Area โดยบูรณาการเทคโนโลยีดิจิทัลทวิน (digital twin) เพื่อสร้างความสอดคล้องระหว่างโลกเสมือนและโลกแห่งความเป็นจริง นวัตกรรมนี้ขับเคลื่อนการก่อตัวของคลัสเตอร์อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งเสริมสร้างความเป็นผู้นำของ Foxconn ในด้านการผลิตอัจฉริยะ ความก้าวหน้าเหล่านี้ที่ประสบความสำเร็จในเกาสงได้ถูกนำไปขยายผลในรูปแบบโมดูลาร์เพื่อส่งออกไปยังประเทศในภูมิภาคอาเซียน เช่น ไทยและอินโดนีเซีย สนับสนุนการสร้างเมืองอัจฉริยะทั่วภูมิภาคอาเซียน
Pegatron Corporation มุ่งเน้นการปรับเปลี่ยนสู่ดิจิทัลและการยกระดับอุตสาหกรรม โดยได้จัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมการปรับเปลี่ยนสู่ดิจิทัลแบบครบวงจรในพื้นที่ Asia New Bay Area ศูนย์นี้ทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มสำคัญสำหรับความร่วมมือระหว่างภาคอุตสาหกรรม ภาควิชาการ และภาคการวิจัย โดยรวบรวมพันธมิตรด้านเทคโนโลยีระดับสากลเพื่อพัฒนาโซลูชันนวัตกรรมในด้านการผลิตอัจฉริยะและเทคโนโลยีเครือข่ายส่วนตัว 5G เทคโนโลยี
โรงงานอัจฉริยะของ Pegatron ได้ถูกนำไปใช้อย่างประสบความสำเร็จในเวียดนาม อินเดีย และอินโดนีเซีย ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและบรรลุการปรับเปลี่ยนสู่ดิจิทัลให้แก่ธุรกิจในท้องถิ่น
นอกจากนี้ Pegatron ยังมุ่งมั่นในการพัฒนาบุคลากรในท้องถิ่นสำหรับการปรับเปลี่ยนสู่ดิจิทัล โดยให้การสนับสนุนด้านเทคนิคและบริการให้คำปรึกษาเชิงกลยุทธ์ที่ออกแบบมาเฉพาะ แสดงถึงอิทธิพลและความแข็งแกร่งในตลาดระหว่างประเทศ
นอกจากนี้ บริษัท Genesis Technology ก็มีบทบาทโดดเด่นใน "Asia New Bay Area" ด้วย "ฐานพัฒนาห่วงโซ่อุตสาหกรรมอย่างยั่งยืนด้าน AIoT" บริษัทนี้ผนึกกำลังทรัพยากรเทคโนโลยีระดับโลก และมุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีอัจฉริยะและโซลูชันด้านความปลอดภัยสารสนเทศ การนำไปใช้ประโยชน์อย่างประสบความสำเร็จในโครงการท่าเรืออัจฉริยะที่อาบูดาบี ส่งผลให้เพิ่มประสิทธิภาพและการดำเนินงานของท่าเรืออย่างมาก
นอกจากนี้ Genesis ยังให้ความสำคัญกับความต้องการในตลาดภูมิภาค โดยมุ่งเน้นการฝึกอบรมบุคลากรในการนำ AIoT และเทคโนโลยีความปลอดภัยสารสนเทศไปใช้ ค่อยๆ สร้างบุคลากรมืออาชีพระดับโลกขึ้นในตลาด ASEAN
ขณะที่ AU Optronics Corporation หรือ AUO กำลังขับเคลื่อนนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีจอแสดงผลอัจฉริยะในเขตอ่าวเอเชียใหม่ โดยมุ่งเน้นในหลายภาคส่วน เช่น อุตสาหกรรมค้าปลีกอัจฉริยะและสุขภาพ ซึ่งในประเทศไทย AUO ได้ส่งเสริมโซลูชันสุขภาพอัจฉริยะอย่างประสบความสำเร็จ เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมท้องถิ่นและเสริมความแข็งแกร่งในตลาดโลก ควบคู่ไปกับการเสริมความร่วมมือกับพันธมิตรในประเทศ เพื่อพัฒนาโซลูชันที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของตลาด โดยอาศัยเครือข่ายซัพพลายเชนระดับโลกของ AUO เพื่อเสริมความเชื่อมั่นและการยอมรับตราสินค้าไต้หวันในเวทีโลก พร้อมนำทางนวัตกรรมในอุตสาหกรรมจอแสดงผลอัจฉริยะอย่างต่อเนื่อง
ความสำเร็จของ "Asia New Bay Area Intelligent Technology Innovation Park" สะท้อนให้เห็นความสามารถอันน่าประทับใจของบริษัทไต้หวันในด้านนวัตกรรมทางเทคโนโลยีและการขยายตลาด โดยการสร้างความเชื่อมโยงที่แข็งแกร่งกับตลาดเอเชีย-แปซิฟิก ทำให้ไม่เพียงแต่ดึงดูดพันธมิตรระดับโลกเท่านั้น แต่ยังเป็นจุดพุ่งพลังสำคัญให้บริษัทไต้หวันเข้าสู่ตลาด ASEAN ด้วย เมื่อกลยุทธ์เหล่านี้ลึกซึ้งมากขึ้น ไต้หวันก็กำลังเขียนบทใหม่ในระบบนิเวศอุตสาหกรรมเทคโนโลยีระดับโลก ด้วยท่าทีที่ยกระดับขึ้นอย่างมั่นคง