“ดาว“ ย้ำ เดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ ตอบโจทย์ลูกค้าสร้างความยั่งยืน
รายการ SUITS ถอดสูตรความสำเร็จฉบับ CEO ของ “กรุงเทพธุรกิจ” สัมภาษณ์พิเศษบุคคลต้นแบบที่มี “สูตรสำเร็จ” ในการขับเคลื่อนองค์กร ทั้งในแง่มุมมอง วิธีคิดทำธุรกิจ โดยเฉพาะการดำเนินธุรกิจในช่วงเปลี่ยนผ่านสำคัญ
“ดาว” ถือเป็นบริษัทวัสดุศาสตร์ของโลกมียอดขายทั่วโลกมากกว่า 1.7 ล้านล้านบาทต่อปี พัฒนาผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นทางวัสดุศาสตร์ตอบโจทย์ลูกค้าในกลุ่มบรรจุภัณฑ์ ยานยนต์ ก่อสร้างอาคาร โครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งอุตสาหกรรมอุปโภคบริโภค ซึ่งกลุ่มดาว ประเทศไทย ถือว่าเป็นฐานการผลิตที่ใหญ่ที่สุดของดาวในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ผลิตและจำหน่ายสินค้าไปยังลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ มีโรงงาน 13 แห่งในจังหวัดระยอง ได้รับการยอมรับว่ามีผลปฏิบัติงานเป็นอันดับ 1 จาก 20 อันดับโรงงานใหญ่ของดาวทั่วโลก
นายฉัตรชัย เลื่อนผลเจริญชัย ประธานบริหารกลุ่ม บริษัท ดาว ประเทศไทย (Dow) กล่าวว่า ดาวเป็นบริษัทวัสดุศาสตร์ระดับ Global Company ซึ่งสินค้าของดาวไม่ใช่ B2C ส่วนใหญ่เป็น B2B โดยเข้าไปใน Industry หลากหลาย อาทิ Packaging อาคารและโครงสร้างพื้นฐาน ยานยนต์ ผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ สีและสารเคลือบผิว และสารยึดติดและสารกันรั่วซึม เป็นต้น โดยดาวก่อตั้งที่ประเทศไทยปี 1967 รวม 55 ปี และครบรอบ 125 ปีของดาวที่เริ่มก่อตั้งในอเมริกา
“ดาวพัฒนาผลิตภัณฑ์ถือเป็นวัสดุศาสตร์เพื่อให้ลูกค้านำไปประยุกต์เป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ อาทิ เสื้อผ้า รถยนต์ ครีมกันแดด เครื่องใช้ไฟฟ้า เราผลิตแม้แต่สีทาบ้าน ถือเป็นต้นน้ำ ดาวประเทศไทย ถือเป็นฐานการผลิตใหญ่ในเอเชีย ที่ผลิตของราว 3 ล้านตัน กระจายไปทั่วเอเชีย ซึ่ง 2 ปีที่นี้ ได้ขยายส่งไปยุโรปและอเมริกา มีรายได้ทั่วโลกปีละราว 1.7 ล้านล้านบาทต่อปี”
ทั้งนี้ จากการที่ได้เริ่มทำงานกับดาวในปี 1991 รวมปัจจุบัน 31 ปี โดยเริ่มจาก project Engineer ในอุตสาหกรรมมาบตาพุดยอมรับว่าฐานการผลิตประเทศไทยถือเป็นโลเคชั่นที่ดีสามารถกระจายผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ไปยัง South East Asia รวมถึงกระจายไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ได้ดี
สำหรับอีกการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือ การที่ได้รับหน้าที่เป็นฝ่ายขาย ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะตอนที่เป็นวิศวกรจะรู้แต่ระบบในโรงงาน แต่เมื่อได้ออกไปข้างนอกจึงได้รับรู้ว่าลูกค้านำผลิตภัณฑ์ดาวไปใช้ทำอะไรบ้าง ถือเป็นเรื่องที่สนุก ต้องเจอคนที่มีความแตกต่าง ได้เจอเพื่อนร่วมงานหลากหลาย ได้ฝึกฝนใช้ความรู้ความสามารถของตัวเองไปอีกขั้น
“เมื่อเรารู้ตั้งแต่ต้นน้ำทางฟิสิกส์และเคมี เราสามารถอธิบายให้ลูกค้าฟังด้วยความมั่นใจ และด้วยความที่เคยผ่านงาน supply chain มาก่อนก็สามารถอธิบายให้ลูกค้าฟังได้ว่าผลิตภัณฑ์แต่ละตัวกว่าของจะมาถึงลูกค้าผ่านขั้นตอนอะไรบ้าง การที่มีประสบการณ์หลายด้านจึงช่วยให้งานขายทำได้ง่ายขึ้นตอบลูกค้าได้อย่างมั่นใจ”
“ปี 1997 ผมได้ไปดูแลธุรกิจดาวที่อเมริกา ราว 3 ปี หลังจากนั้นย้ายกลับมาดูแลธุรกิจที่เอเชีย และอยู่ฮ่องกงถึง 6 ปี หลังจากนั้นจังหวะที่ดาวไปเจรจาบริษัทใหม่โดยมีพาร์ทเนอร์เป็นรัฐบาลคูเวต ตนก็ได้เข้าไปเป็น Business Director ในลักษณะ JV ที่คูเวต ตนเสนอตั้งออฟฟิศที่สิงคโปร์ และบิน-เข้าออกสิงคโปร์กับคูเวตเดือนละครั้งราว 3 ปี รวมการทำงานที่ต่างประเทศราว 15 ปี จนได้เป็น Global Business Director”
นายฉัตรชัย กล่าวว่า ด้วยการบริหารงานที่เปิดใจ รับฟังสิ่งที่แตกต่าง ก็จะได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ ขณะเดียวกันให้มองตัวเองเป็นน้ำครึ่งแก้วพร้อมเรียนรู้ตลอดเวลา ดังนั้น เมื่อเปิดรับฟังความคิดเห็นใหม่ทุกคนก็กล้าที่จะแชร์การทำงานร่วมกันเสมือนเป็นเพื่อน ซึ่งในดาวจะไม่ยึดตำแหน่ง มองทุกคนเท่ากันหมด หรือการทำงานกับหลายประเทศเมื่อไปพร้อมกับการเปิดใจการทำงานจะกลายเป็นเพื่อนกันหมด อะไรถูกหรือไม่ถูกก็กล้าที่จะพูด
ทั้งนี้ จากการที่ดาวเป็นผู้ผลิตสินค้าต้นน้ำ การสนับสนุนเป้าหมาย Net Zero จึงสำคัญใน Vision ของดาวจะเป็น material Company ใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีมาสร้าง Solution โดยใช้อินโนเมชันตอบโจทย์ความยั่งยืนตามเป้า Sustainability Goals 2005 FOOTPRINT ปี 2538-2548 วางมาตรฐานความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมองค์กรและเป้า Sustainability Goals2025 BLUEPRINT ปี 2558-2568 ร่วมขับเคลื่อนสังคมไปสู่ความยั่งยืน โดยทำงานกับพาร์ทเนอร์ ทุกภาคส่วนดังนั้นความยั่งยืนของดาวจึงสำคัญ
อย่างไรก็ตาม ดาวมีเป้าหมาย Net Zero ชัดเจน ประกอบด้วย 3 อันอันแรก คือ 1. protect The climate ลดคาร์บอนต้านโลกร้อน 2. stop the West หยุดขยะพลาสติก 3. Close the Loop ส่งเสริมวงจรรีไซเคิล ซึ่ง 3 สิ่งนี้คือ target ของดาว โดยตั้งเป้าปี 2030 ดาวทั่วโลกจะลดคาร์บอนลง 15% หรือ 5 ล้านตัน ส่วนประเทศไทยดาวได้ตั้งเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนปี 2050 ซึ่งภายในปี 2030 ดาวจะร่วมมือกับทุกภาคส่วนจัดเก็บและนำขยะพลาสติก 1 ล้านตันกลับมาใช้ใหม่
“ในปี 2035 ดาวตั้งเป้าว่า Packaging และโซลูชันทุกตัวจะต้องรีไซเคิลได้ 100% ซึ่งปัจจุบันเราสามารถผลิตโซลูชั่นต่าง ๆ ออกมามากมาย ครอบคลุมทั้งปิโตรเคมี เคมีภัณฑ์และในส่วนของธรรมชาติครบหมด เพราะเรื่องใหญ่ที่กำลังเผชิญทั่วโลก คือปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งผู้บริโภคใส่ใจมากขึ้น และเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์”
ดังนั้น ถ้าอุตสาหกรรมไม่เปลี่ยนจะตามไม่ทัน ก็ถือเป็นโอกาสทางธุรกิจเครือดาว ที่จะพัฒนาวัสดุใหม่ ๆ ตอบโจทย์ผู้ผลิตป้อนให้กับผู้บริโภค ดาวมีนวัตกรรมจำนวนมาก การรีไซเคิลอย่างเดียวไม่ตอบโจทย์ ดาวจึงพัฒนานวัตกรรมเม็ดพลาสติกผสม PCR สามารถนำมาผลิตเป็นฟิล์มพลาสติกชนิดฟิล์มหดรัดสินค้า มีคงคุณสมบัติเทียบเท่ากับฟิล์มที่ทำมาจากเม็ดพลาสติกใหม่ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 17% ประหยัดพลังงานได้กว่า 30% เมื่อเปรียบเทียบกับเม็ดพลาสติกใหม่ นับเป็นครั้งแรกของเอเชีย แปซิฟิก และประเทศไทย
ทั้งนี้ จากการคิดค้นเม็ดพลาสติกบริสุทธ์จากขยะพลาสติกรีไซเคิล โดยดาวทำข้อตกลงให้ ฟือนิกซ์ อีโคจี กรุ๊ป (Fuenix Ecogy Group) ประเทศเนเธอร์แลนด์จัดส่งวัตถุดิบประเภทน้ำมันไพโรไลซิส (Pyrolysis Oil Feedstock) ที่ได้จากขยะพลาสติกรีไซเคิลให้โรงงานของดาวที่เมืองแทร์นอยเซน ประเทศเนเธอร์แลนด์ เพื่อใช้ผลิตผลิตภัณฑ์โพลิเมอร์ใหม่
ถือเป็นการส่งเสริมการรีไซเคิลพลาสติกกลับเป็นวัตถุดิบใหม่มากขึ้น โดยนำเอาขยะพลาสติกหลากประเภทมาผ่านกระบวนการให้กลับเป็นวัตถุดิบตั้งต้นสำหรับโรงงานผลิตเม็ดพลาสติกใหม่ซึ่งเม็ดพลาสติกที่ผลิตจากน้ำมันไพโรไลซิสจะเหมือนผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากวัตถุดิบดั้งเดิมรวมทั้งใช้ผลิตบรรจุภัณฑ์อาหารได้ปลอดภัยและตอบโจทย์การผลิตเม็ดพลาสติกหมุนเวียน (Circular Polymers)
“ผมโชคดีการที่ทำงานเมืองนอกราว 15 ปี ใน 5 ประเทศ จึงมองว่าเป็นโอกาสที่ดี ได้เรียนรู้และเจอคนหลากหลาย สิ่งที่อยากทำหลักกลับมาประจำที่ประเทศไทย คือ การเอาความรู้ประสบการณ์ที่ได้มาสอนกลุ่ม Generation ถัดไป เพื่อนำไปประยุกต์ใช้แม้จะใช้ได้บางส่วน แต่อย่างน้อยก็ไม่ได้หายไปกับตัวเรา”
ดังนั้น สังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมของโลกจะยั่งยืนได้ ก็ต่อเมื่อทุกคนมีการบริโภคที่ยั่งยืน มีธุรกิจที่ยั่งยืน ซึ่งนวัตกรรมต่าง ๆ จะเป็นตัวนำพาให้ไปถึงเป้าหมาย จะเห็นได้ว่าหลายองค์กรและหลายประเทศ ต่างกำหนดเป้าหมายของการลดการปล่อนก๊าซเรือนกระจก ซึ่งดาวจะพัฒนาโซลูชั่นเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่ดีเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตอบโจทย์ลูกค้าและสร้างโลกให้ยั่งยืนควบคู่กันไป
นายฉัตรชัย กล่าวว่า สิ่งที่อยากจะบอกคือ คนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก สำหรับเคล็ดลับความสำเร็จส่วนตัว เรียกเคล็ดไม่ลับมากกว่า เมื่อมองย้อนการทำงานที่ดาว 30 ปี เปลี่ยนงานทุก 3-5 ปี มองว่าตัวเราเองพร้อมที่จะ Out of Comfort Zone ไปทำอะไรใหม่ เพื่อที่จะได้โอกาสใหม่ ๆ ขณะเดียวกันมองตัวเองเป็นน้ำครึ่งแก้ว พร้อมที่จะเรียนรู้ในการเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ อีกเยอะ ดังนั้นเมื่อก้าวออกจาก Comfort Zone เรียนรู้อะไรใหม่ ทำงานใหม่ เจอเพื่อนใหม่ ประสบการณ์ใหม่ ๆ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่หลอมให้เรามีโอกาสในการทำงานในที่ต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ