Care the Bear ในเอเปค ร่วมเคลื่อน "ลดโลกร้อน"

Care the Bear ในเอเปค    ร่วมเคลื่อน "ลดโลกร้อน"

เนื่องจากมีการสนับสนุนการจัดการประชุมเอเปค 2565 ณ พื้นที่ “ศูนย์ข่าวสีเขียว” โดยมีโครงการ “Care the Bear” ลดโลกร้อน” โดยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยส่งเสริมให้องค์กรที่ร่วมออกบูธในงาน รวมทั้งผู้ร่วมงาน เข้าใจและนำหลักปฏิบัติ 6 Cares

โครงการ “Care the Bear”  นั้นมาจากความร่วมมือตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ภายใต้แนวคิด “Change the Climate Change” ตั้งแต่ปี 2561 โดยร่วมกับพันธมิตร ทั้งภาคเอกชน ภาครัฐ และธุรกิจเพื่อสังคม ช่วยกันขับเคลื่อนการลดภาวะโลกร้อนด้วยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการจัดกิจกรรมขององค์กร ปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นปัญหาใหญ่ของโลกซึ่งมีความรุนแรงและส่งผลกระทบต่อประเทศไทยเป็นอย่างมาก เห็นได้จากความถี่และความรุนแรงของภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อทั้งเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างหนัก จึงเป็นเรื่องเร่งด่วนของประเทศทั่วโลกที่ต้องเร่งแก้ปัญหา

โดยมีหลัก ปฏิบัติ 6 Cares ที่ใช้ในงาน คือ 1.การเดินทางโดยรถสาธารณะหรือเดินทางมาร่วมกัน

2. การลดใช้กระดาษและพลาสติก 3. งดการใช้โฟม 4. การลดใช้พลังงานจากอุปกรณ์ไฟฟ้า 5. เลือกใช้วัสดุตกแต่งที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้  6. ลดการเกิดขยะเศษอาหาร ตักอาหารแต่พอดีและทานให้หมด ในงานตั้งแต่ 14-17 พ.ย. สามารถได้ถึง 19,482.92 กิโลกรัมของคาร์บอนไดออกไซด์

Care the Bear ในเอเปค    ร่วมเคลื่อน \"ลดโลกร้อน\"

   

นอกจากนี้ข้อมูลของ Climate Watch Data¹ (10 มีนาคม 2565)

1.ทุกประเทศทั่วโลกได้มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากถึง 48,939.71 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (MtCO2e) 

2.ไทยปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากถึง 432.22 MtCO2e คิดเป็นอันดับที่ 20 ของโลกมีสัดส่วน 0.88% ของทั้งโลก 

3.ประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุดในโลก 

- จีน (11,705.81 MtCO2e) 

-สหรัฐอเมริกา (5,794.35 MtCO2e)

สำหรับไทยภาคที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุดคือภาคพลังงาน ซึ่งมีสัดส่วนมากที่สุดถึง 61.11% รองลงมาคือภาคอุตสาหกรรม 16.67% ภาคการเกษตร 15.96% และภาคป่าไม้และการใช้ประโยชน์ที่ดิน 3.31% และการจัดการของเสีย 2.95%และในปี พ.ศ. 2560 ประเทศไทย มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเฉลี่ยต่อคนที่ 6.21 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tonCO2e) ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยมาตรฐานของประชากรโลก²เพียง 3.57% ซึ่งปล่อยอยู่ที่ 6.44 tonCO2e นับได้ว่าเป็นต้นเหตุของสภาวะโลกร้อน 

ซึ่งการแก้ปัญหา จะเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมต้องมีการประเมินและวัดผลได้ ดังนั้นการทราบถึงปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ที่ปล่อยออกมาจากกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์อย่างต่อเนื่อง ทั้งการใช้พลังงาน การเกษตร การพัฒนาและการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม การขนส่ง การตัดไม้ทำลายป่า หรือแม้กระทั่งการจัดงานอีเว้นท์ที่ต้องมีการใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งส่วนของการจัดงานและการพักแรม การเดินทางของผู้เข้าร่วมงาน การใช้พลังงานในการปรุงอาหาร สิ่งเหลือทิ้งจากการจัดงาน ล้วนเป็นเหตุสำคัญของการเกิดภาวะโลกร้อน ซึ่งส่งผลกระทบต่อวิถีการดำรงชีวิตของมนุษย์ สิ่งมีชีวิตและนับวันปัญหาดังกล่าวก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น

Care the Bear ในเอเปค    ร่วมเคลื่อน \"ลดโลกร้อน\"

 

ปัจจุบันโครงการ Care the Bear มีองค์กรพันธมิตรกว่า 240 องค์กร (ข้อมูล มี.ค.2565) และได้ร่วมกันลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแล้ว13,325 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ซึ่งเทียบเท่าการดูดซับ CO2ต่อปีของต้นไม้จำนวน 1,480,657 ต้น (ข้อมูล ณ มี.ค. 65) โดยมีองค์กรภาคีหลัก คือ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) และพันธมิตรอื่นร่วมขับเคลื่อน ไม่ว่าจะเป็นบริษัทจดทะเบียน บริษัทจำกัด หน่วยงานภาครัฐ สมาคม สถาบันการศึกษา โรงแรม สถานที่จัดการประชุม และกิจการเพื่อสังคม

 

โครงการ Care the Bear จะเป็นเครื่องมือที่สามารถช่วยสร้างจิตสำนึก ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของสมาชิกในองค์กร หรือชุมชน เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยผลที่ได้จากการคำนวณการลดก๊าซเรือนกระจกนี้สามารถเปิดเผยในรายงานประจำปี และรายงานความยั่งยืนขององค์กรได้ ซึ่งหลักการคำนวณการลดก๊าซเรือนกระจกเป็นไปตามมาตรฐานองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน)