"การคลังอย่างยั่งยืน"เวิลด์แบงก์เปิดรายงานแนะไทยพ้นกับดักหนี้สาธารณะ

"การคลังอย่างยั่งยืน"เวิลด์แบงก์เปิดรายงานแนะไทยพ้นกับดักหนี้สาธารณะ

ธนาคารโลกระบุว่า หลังจากที่มีการใช้นโยบายการคลังขนาน ใหญ่ในการรับมือผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 นั้น

ขณะนี้ประเทศไทย จำเป็นต้องเตรียมรับมือกับการใช้จ่ายภาครัฐที่เพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งยังต้องควบคุมระดับหนี้สาธารณะไม่ให้สูงเกินไปด้วย รายงานการประเมินรายได้ และรายจ่ายภาครัฐของประเทศไทย - การส่งเสริมอนาคตที่ทั่วถึง และยั่งยืน ระบุถึง แนวทางปฏิรูปที่จำเป็นเพื่อรับมือกับปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายภาครัฐ โดยปัจจัยท้าทายเหล่านี้ รวมถึงการเข้าสู่สังคมสูงวัย ซึ่งจะเพิ่มค่าใช้จ่ายในด้านบำนาญ สวัสดิการผู้สูงอายุ และสวัสดิการ การรักษาพยาบาล ซึ่งเป็นข้อจำกัดของการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ดร.ฟาบริซิโอ ซาร์โคเน ผู้จัดการธนาคารโลกประจำประเทศไทย ระบุว่า “ประเทศไทยสามารถปฏิรูปเศรษฐกิจ ให้มีความเท่าเทียม และความยืดหยุ่นมากขึ้นได้โดยการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายภาครัฐ การเพิ่มการจัดเก็บ รายได้ภาครัฐ และการใช้นโยบายช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง และนโยบายที่เกี่ยวกับการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพ ภูมิอากาศ โดยธนาคารโลกพร้อมให้การสนับสนุนการปฏิรูปทางการคลังของประเทศไทยเพื่อให้สามารถบรรลุ เป้าหมายเหล่านี้” รายงานฉบับนี้ให้ความสำคัญกับการเพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐในด้านความช่วยเหลือทางสังคม การศึกษา และการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยนโยบายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ รวมถึงนโยบายช่วยเหลือทางการเงินต่างๆ ยังเป็นการให้ความช่วยเหลือที่อยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับมาตรฐานสากล นอกจากนี้ การจัดสรรงบประมาณ ด้านการศึกษาต่อจำนวนนักเรียนในระดับอนุบาล และระดับมัธยมศึกษายังอยู่ในระดับต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานสากล

 ดังนั้น การเพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐในด้านเหล่านี้สามารถส่งเสริมความเท่าเทียม และการพัฒนาทุนมนุษย์ นอกจากนี้การลงทุนอย่างมีนัยสำคัญในด้านการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ต่อการลดผลกระทบที่เกิดจากอุทกภัย วาตภัย และการกัดเซาะชายฝั่งซึ่งมีความถี่ และความรุนแรงมากขึ้น แม้ว่าหนี้สาธารณะจะมีการปรับตัวสูงขึ้นจากการรับมือผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็ตาม ความเสี่ยงทางด้านการคลังของประเทศไทยยังคงอยู่ในระดับที่สามารถบริหารจัดการได้ โดยรายงานฉบับนี้มี

ข้อเสนอแนะว่า ในระยะสั้น รัฐบาลสามารถเพิ่มการใช้จ่ายเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และด้านที่รัฐบาลมุ่งเน้นให้ความสําคัญ โดยสามารถบริหารจัดการ การใช้จ่ายในด้านอื่นๆ ให้เหมาะสม ในระยะยาวนั้น การรับมือกับภาระทางการคลังที่จะเกิดจากการใช้จ่ายที่จำเป็น พร้อมกับบริหารหนี้สาธารณะให้อยู่ในระดับที่มีความยั่งยืนนั้น จะต้องอาศัยการจัดเก็บรายได้ภาครัฐที่เพิ่มขึ้น รายงานฉบับนี้นำเสนอการปฏิรูป ภาษีแบบก้าวหน้า ซึ่งเมื่อนำแต่ละวิธีมารวมกันจะสามารถเพิ่มรายได้ราว 3.5 % ของผลิตภัณฑ์รวมในประเทศ ประกอบด้วยการขึ้นอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) และยกเลิกการยกเว้นต่างๆ การขยายฐานภาษีเงินได้ บุคคลธรรมดา และลดเงื่อนไขการลดหย่อนภาษี และการหักค่าใช้จ่าย และการขยายการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยหากมีการดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไปในช่วงที่เหลือของทศวรรษนี้ การปฏิรูปเหล่านี้จะส่งเสริม ความให้เกิดความเท่าเทียมและเพิ่มศักยภาพการจัดเก็บรายได้ภาครัฐเพื่อรองรับการใช้จ่ายภาครัฐที่เพิ่มขึ้น โดยผลกระทบของการปฏิรูปด้านภาษีต่อผู้มีรายได้น้อย และคนยากจนสามารถได้รับการทดแทนโดยนโยบาย และมาตรการช่วยเหลือทางสังคมต่างๆ ซึ่งยังส่งผลให้สถานะทางการคลังของรัฐบาลดีขึ้น

 

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์