ยอดขายอีวี เพิ่มขึ้น 700%สวนทางรถยนต์ใช้น้ำมันลดลง 23.65%

ยอดขายอีวี เพิ่มขึ้น 700%สวนทางรถยนต์ใช้น้ำมันลดลง 23.65%

ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศเดือนสิงหาคม 2566 จำนวนทั้งสิ้น 60,234 คัน ลดลงจากเดือน กรกฎาคม 2566 ชี้สถาบันการเงินเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อและลดลงจากเดือนเดียวกัน แต่กระแสรถอีวีสวนเพิ่มสูงขึ้น 700%

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยจำนวนการผลิต ยอดขายภายในประเทศ และการส่งออกรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของประเทศ ในเดือนสิงหาคม 2566 ดังต่อไปนี้

ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนสิงหาคม 2566 มีจำนวนทั้งสิ้น 60,234 คัน ลดลงจากเดือน กรกฎาคม 2566 3.62 % จากยอดขายรถกระบะที่ลดลงถึง 36.3  % เพราะสถาบันการเงินเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อและลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว 11.69 % แบ่งตามประเภทเชื้อเพลิง ดังต่อไปนี้

  • รถยนต์สันดาปภายใน (ICE) 47,683 คัน ลดลงจากปีที่แล้ว 23.65 %
  • รถยนต์ไฟฟ้า (BEV) 6,063 คันเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 767.38 %
  • รถยนต์ไฟฟ้าผสมแบบเสียบปลั๊ก (PHEV) 131 คัน ลดลงจากปีที่แล้ว 49.03 % 
  • รถยนต์ไฟฟ้าผสม (HEV) 6,357 คันเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 32.47 %

ส่วนรถจักรยานยนต์ มียอดขาย160,123คันเพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม 2565 6.20 % และลดลงจากเดือนสิงหาคม 2565 6.82 % โดยแบ่งเป็น

  •  รถจักรยานยนต์สันดาปภายใน (ICE) 160,123 คัน ลดลงจากปีที่แล้ว 6.82 %

   โดยตั้งแต่เดือน มกราคม - สิงหาคม 2566 รถยนต์มียอดขาย 524,784 คัน ลดลงจากปี 2565 ในระยะเวลาเดียวกัน 6.21 % โดยแบ่งเป็น

  • รถยนต์สันดาปภายใน (ICE) 429,136 คัน ลดลงจากปีที่แล้ว 16.46 %
  • รถยนต์ไฟฟ้า (BEV) 41,844 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 837.79 %
  • รถยนต์ไฟฟ้าผสมแบบเสียบปลั๊ก (PHEV) 1,585 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 39.54 %
  • รถยนต์ไฟฟ้าผสม (HEV) 52,219 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 30.31 %

ส่วนรถจักรยานยนต์ มียอดขาย 1,304,883 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – สิงหาคม 2565  7.64 % โดยแบ่งเป็น

  • รถจักรยานยนต์สันดาปภายใน (ICE) 1,303,845 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 7.63 % 
  • รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าผสม (HEV) 818 คัน ลดลงจากปีที่แล้ว 10.80 %
  • รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า (BEV) 220 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 100 %

      ซึ่งยอดจดทะเบียนใหม่รถยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท BEV เดือนสิงหาคม 2566 มีจำนวน 9,076 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว 293.92 % โดยแบ่งเป็นรถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 6,619 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม 2565  458.57 % แบ่งเป็น รถยนต์นั่งจำนวน 6,594 คัน และรถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนจำนวน     25   คัน  ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้าในไทยนั้นมีอัตราการเติบโตเป็นอย่างมาก และเป็นที่น่าจับตามองของบริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในต่างประเทศที่จะมาแข่งขันกันในประเทศไทย ส่งผลดีให้กับผู้บริโภคมีตัวเลือกรถยนต์ไฟฟ้าหลากหลายมากขึ้นจากเมื่อก่อนพอสมควร