ตลาดหลักทรัพย์ฯ ประกาศผล SET ESG Ratings 193 บริษัท ยกคุณภาพหุ้นยั่งยืน

ทุกวันนี้เรื่องสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environmental, Social and Governance: ESG) ได้กลายเป็นมาตรฐานหรือกติกาใหม่ในการทำธุรกิจ ผู้นำของทุกองค์กรจึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับเรื่อง ESG
เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันและตอบโจทย์ความคาดหวังที่ผู้คนในสังคมมองหาในการเลือกซื้อสินค้าและบริการ รวมถึงผู้ลงทุนเองก็ให้ความสำคัญกับเรื่อง ESG ประกอบในการตัดสินใจลงทุนกันมากขึ้น
แต่การจะระบุได้ว่าธุรกิจไหนทำเรื่อง ESG ได้ดีนั้น จำเป็นต้องอาศัยการรวบรวมและการวิเคราะห์ชุดข้อมูลที่สะท้อนผลการดำเนินงานในประเด็นต่างๆ ด้าน ESG ซึ่งนับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย และจำเป็นต้องใช้เวลา ทักษะ และความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับลักษณะของธุรกิจในแต่ละอุตสาหกรรมและใช้ความสามารถ ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในการจัดการประเด็น ESG ที่เกี่ยวข้องกับประเภทธุรกิจนั้นๆ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจึงได้ประเมินผลการดำเนินงานด้าน ESG ของบริษัทจดทะเบียน และประกาศผลประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ประจำปี 2566 (ชื่อเดิมคือ “รายชื่อหุ้นยั่งยืน THSI” หรือ Thailand Sustainability Investment) พร้อมทั้งยกระดับการประกาศผลในรูปแบบของเรตติ้ง แบ่งเป็น 4 ระดับคือ AAA, AA, A และ BBB ในปีนี้เป็นปีแรก
ในปีนี้ มีบริษัทจดทะเบียนสมัครใจเข้าร่วมการประเมินสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และมีบริษัทที่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือก SET ESG Ratings รวมทั้งสิ้น 193 บริษัท สะท้อนถึงความเอาจริงเอาจังยิ่งขึ้นของบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ในการทำธุรกิจโดยให้ความสำคัญกับ ESG ไปพร้อมกัน สามารถแบ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนใน SET 177 บริษัท และบริษัทจดทะเบียนใน mai 16 บริษัท มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) รวม 13 ล้านล้านบาท คิดเป็น 72% เมื่อเทียบกับ Market Cap. ของทั้ง SET และ mai รวมกัน (ณ 1 พ.ย. 66) มี 34 บริษัท สามารถคว้าเรตติ้งสูงสุด AAA/ 70 บริษัทอยู่ในระดับ AA / 64 บริษัทอยู่ในระดับ A และ 25 บริษัทอยู่ในระดับ BBB
ผลประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings จะช่วยให้ผู้ลงทุน นักวิเคราะห์การลงทุน และผู้จัดการกองทุนมีข้อมูลใช้ประกอบการวิเคราะห์และตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงสามารถใช้เป็นข้อมูลเบื้องต้นเพื่อคัดกรองและคัดหุ้น ESG ในการออกผลิตภัณฑ์การลงทุนต่อไป ในขณะเดียวกัน สร้างแรงจูงใจให้บริษัทจดทะเบียนนำข้อมูลผลประเมินไปใช้ในการพัฒนายกระดับการดำเนินงานด้าน ESG ซึ่งจะช่วยสร้างความน่าสนใจลงทุนและเพิ่มโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้นอีกด้วย
สิ่งที่น่าสนใจคือ บริษัทที่ผ่านการคัดเลือกและได้อยู่ใน SET ESG Ratings ปีนี้ แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าอย่างมากในการกำหนดให้ ESG เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงด้าน ESG ขององค์กร โดยกำหนดเป้าหมายเกี่ยวกับ ESG ทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว โดยเฉพาะเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) พร้อมทั้งจัดทำแผนงาน (Roadmap) เพื่อบรรลุเป้าหมายไว้อย่างชัดเจน ซึ่งบริษัทส่วนใหญ่ได้ให้ความสำคัญกับการจัดการด้านสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป ควบคู่ไปกับการดูแลให้ความสำคัญผู้มีส่วนได้เสียต่าง ๆ อย่างครอบคลุมทั่วถึง และพัฒนานวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในบริบททางสังคมและสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป นอกจากนี้ ทุกบริษัทได้เปิดเผยข้อมูล ESG สู่สาธารณะ โดยเน้นประเด็น ESG ที่เกี่ยวข้องอย่างมีนัยสำคัญ เพื่อความโปร่งใสในการตรวจสอบ และประสิทธิภาพในการนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมุ่งมั่นที่จะพัฒนาเสริมสร้างระบบนิเวศนด้านความยั่งยืนให้แข็งแรงอย่างต่อเนื่อง เพื่อเอื้อให้กลไกตลาดทำงานอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด ส่งผลดีต่อการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันและเติบโตก้าวหน้าสู่ความยั่งยืนของตลาดทุนและภาคธุรกิจไทย